เต่ากับนกอินทรี

เต่ากับนกอินทรี

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

แนะนำตัวละคร
ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า
เต่า
เต่า

ทำไมข้าถึงต้องเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าขนาดนี้สัตว์อย่างอื่นเป็นเหมือนข้าบ้างไหม

ทันใดนั้น เจ้าเต๋าจึงเห็นเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า มันมองเห็นฝูงนกน้อยใหญ่โบยบินอยู่เต็มไปหมด
เต่า
เต่า

ข้าอิจฉาพวกเจ้าเหลือเกินที่พวกเจ้าสามารถโบยบินไปที่ไหนก็ได้

อยู่มาวันหนึ่งเจ้าเต่าได้มองเห็นนกอินทรีย์ที่บินอยู่บนฟ้าจึงได้ร้องตะโกนออกไปว่า 
เต่า
เต่า

เจ้านกอินทรีย์ได้โปรดช่วยให้ข้าบินได้เหมือนท่านได้ไหม

นกอินทรี
นกอินทรี

นกอินทรีย์เจ้าจะบินได้ยังไงในเมื่อเจ้าไม่มีปีก

เต่า
เต่า

ก็ข้าจะอาศัยปีกของท่านไงช่วยพาข้าบินไปในท้องฟ้าที่ท่านเคยไปหน่อยได้ไหม

นกอินทรี
นกอินทรี

เจ้ามั่นใจงานแล้วหรือที่จะบินบนท้องฟ้าให้ได้เจ้าเต่า

เต่า
เต่า

ข้าต้องการแบบนั้นจริงๆได้โปรดเถิดท่าน ช่วยให้ข้าได้สมดังหวังที

นกอินทรีย์ทนคำรบเร้าจากเจ้าเต่าไม่ไหว มันจึงใช้กรงเล็บอันแข็งแรงของมันจับเจ้าเต่าเอาไว้แล้วพามันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า เจ้าเต่าเห็นตัวเองโบยบินบนท้องฟ้าได้ครั้งแรกในชีวิต มันรู้สึกตื่นเต้นที่สุดและคิดผยองในใจว่า ตนก็สามารถบินได้เหมือนกับนกทั่ว ๆไป
เต่า
เต่า

นี่ข้าบินได้เหมือนนกแล้ว ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน

เต่า
เต่า

ท่านนกอินทรีย์ ช่วยปล่อยข้าลงที ไม่ต้องจับข้าแล้วปล่อยข้าทีข้าจะได้หัดบินสักทีเจ้าเต่าพูดรบเร้าอยู่นานหลายครั้ง

นกอินทรี
นกอินทรี

จะให้ข้าปล่อยเจ้าจริงงั้นรึ เจ้าบินไม่ได้นะ

เต่า
เต่า

ปล่อยข้าเถิดไม่เป็นไรถ้าจะหัดบินให้ได้

 นกอินทรีย์จึงตัดสินใจทำตามคำขอของเต่าหลังจากปล่อยอุ้งเท้าออกจากตัวเจ้าเต่า เต่าได้พยายามตะเกียกตะกายทำท่าทางบินอยู่กลางอากาศแต่มันก็ไม่สามารถที่จะลอยอยู่ได้ร่างของเจ้าเต่าลอยละลิ่วตกลงมากระทบพื้นอย่างแรงและขาดใจตายอย่างที่สุด
นกอินทรี
นกอินทรี

ไม่น่าเลยเจ้าเต่าข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่สามารถบินเหมือนกับพวกข้าได้

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัวเองนำมาซึ่งความเดือดร้อนหรือมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บึงน้ำท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีวัวตัวหนึ่งลงมากินหญ้าและน้ำที่ริมบึงเพื่อดับกระหาย แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และความไม่ระวังของเจ้าวัวนั้นในขณะที่มันกำลังจะลงไปกินน้ำที่บึง ทำให้มันเผลอเหยียบลูกกบตัวหนึ่งจนลงไปในโคลน

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย ราชสีห์ตัวใหญ่ มองดูแล้วช่างสมกับเป็นเจ้าแห่งป่า น่าเกรงขามยิ่งนัก มันกำลังนอนหลับนิ่งเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหนูตัวน้อย ได้ออกมาวิ่งเล่นหาอาหารกินในบริเวณ

ราชสีห์ชราตัวหนึ่ง เมื่อครั้งที่ยังหนุ่ม มันเคยเป็นที่ยำเกรงของสัตว์ทุกตัวในป่า แต่มาวันนี้ เมื่อแก่ตัวไร้เรี่ยวแรง มันได้แต่นอนอยู่ในถ้ำรอความตายไปวัน ๆ

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

เจ้าหมา เดินคาบเนื้อมาอย่างสบายใจหวังจะหาที่สงบเงียบสักแห่งก่อนจะกินเนื้อที่ได้มาอย่างอร่อยมันได้เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงสะพานจนสังเกตเห็นว่ามีเงาตัวอะไรในน้ำ ดูแล้วก็คล้ายๆตัวของมันเอง แต่มีก้อนเนื้อในปากที่ใหญ่กว่า

ใจกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีเม่นน่าสงสารตัวหนึ่งเดินเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัย สภาพของมันทั้งหิวโซ และอิดโรยจากการเดินทางเร่ร่อนมานาน จนมาพบพวกงูใจดีตัวหนึ่งกำลังขดอยู่ที่พื้น

มีฝูงหมาป่าหิวโซอยู่ฝูงหนึ่งพวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วพวกมันจึงตัดสินใจเดินไปที่แม่น้ำเพื่อที่จะดื่มน้ำหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาความหิวของพวกมันได้บ้าง แต่แล้วพวกมันก็ได้พบเข้ากับหนังสัตว์อย่างดีจำนวนหนึ่งที่จมอยู่ใต้ก้นแม่น้ำซึ่งคนฟอกหนังได้นำมาแช่เอาไว้ หนังสัตว์พวกนี้นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับหมาป่าที่กำลังหิวโซแต่ทว่าแม่น้ำบริเวณนั้นลึกเกินไปที่พวกมันจะเอื้อมลงไปถึงหนังสัตว์ได้ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้หมาป่าตัวหนึ่งในฝูงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

ณ บึงน้ำในป่าแห่งหนึ่ง บึงแห่งนี้เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำน้อยใหญ่นานาชนิด ทั้งยังมีพืชที่อุดมสมบูรณ์มากมาย มีต้นโอ๊กใหญ่ขึ้นแผ่กิ่งก้านอยู่ริมฝั่งและมีต้นอ้อขั้นอยู่ในน้ำ ทั้งสองมักจะเห็นกันและกันอยู่ทุกวัน