มดและตั๊กแตน

มดและตั๊กแตน

มดจะขนอาหารมาเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงเพื่อให้มีอาหารกินตลอดหน้าหนาวและเตือนให้ตั้กแตนเก็บอาหารไว้บ้างแต่ตั๊กแตนกลับคิดว่าพวกตนมีเสบียงเพียงพอแล้วไม่ต้องหาเพิ่มเติมอีก

แนะนำตัวละคร

ในยามเช้าของฤดูแล้งที่บรรยากาศโดยรอบๆ เต็มไปด้วยใบไม้ ต้นไม้ต่าง ๆดูเหี่ยวเฉา นี่คงจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็พากันเร่งหาเสบียงอาหารไว้ให้เพียงพอสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง

แต่ดูนั่นสิ  มันคือฝูงของตั๊กแตนน้อยใหญ่  พวกมันกำลังเพลิดเพลิน สนุกสนาน ส่งเสียงร้องรำทำเพลงเป็นจังหวะ อย่างมีความสุขมาก ๆ  ทันใดนั้น  มีตั๊กแตนหนุ่มตัวหนึ่ง มันได้สังเกตเห็นว่า ยังมีกลุ่มมดกำลังช่วยกันขนรวงข้าวโพด เมล็ดธัญพืช และอื่น ๆ เดินผ่านผ่านหน้าของพวกตั๊กแตนไป  พวกมดเหล่านั้นดูช่างตั้งใจก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งเหลือเกิน   เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าตั๊กแตนจึงถามเจ้ามดไปว่า

ตั๊กแตน
ตั๊กแตน

ทำไมไม่หยุดพักผ่อน แล้วร้องรำทำเพลงอย่างพวกข้าบางละ เจ้ามด

มด
มด

ไม่หรอก พวกเรากำลังช่วยกันเก็บรวงข้าวโพดและเสบียงอาหารอีกหลายอย่าง สำหรับเก็บไว้กินในฤดูหนาวกันอยู่นะ

มด
มด

พวกเจ้าก็ควรจะทำเหมือนพวกข้าบ้างหล่ะ ถ้าเข้าหน้าหนาวแล้ว ไม่รู้จะออกมาหาอาหารกันได้ยังไงถ้าไม่หาไว้ตอนนี้มีหวังอดตายกันแน่เลยนะ

ตั๊กแตน
ตั๊กแตน

ไม่หละ พวกข้าไม่ห่วงเรื่องอาหารหรอกเพราะตอนนี้มีอาหารอยู่มากมายอยู่แล้ว” ตั๊กแตนพูดด้วยความมั่นใจ

มด
มด

อ่องั้นเหรอ งั้นพวกข้าคงต้องเร่งมือกว่านี้อีกละ เดี๋ยวจะไม่ทัน


จากนั้นพวกมดก็พากันขนเสบียงกันต่อไป ในขณะที่ตั๊กแตนยังคงสนุกสนานกันต่อ เมื่อฤดูหนาวมาถึง ตั๊กแตนที่ได้พูดกับมดไว้ว่าพวกตนนั้นมีเสบียงอาหารมากพอสำหรับฤดูหนาว   แต่หารู้ไม่ว่า บัดนี้อาหารที่พวกมันได้เก็บสะสมไว้กลับหมดลงจนไม่พอกินเสียแล้ว  ซึ่งอากาศหนาวเหน็บขนาดนี้  พวกมันก็ไม่สามาถที่จะออกไปหาเสบียงอาหารที่ไหนได้เลย

เหล่าตั๊กแตนทั้งหลาย ก็ได้แต่เฝ้ามองมดที่กำลังแจกจ่ายเสบียงอาหารของพวกมัน ทั้งเมล็ดข้าวและเมล็ดข้าวโพดและอื่นๆที่เคยเก็บไว้เมื่อก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ซึ่งพวกมันก็สามารถกินอย่างอิ่มหน่ำสำราญในรังของตนเองจนผ่านวิกฤตของฤดูหนาวอันหนาวเหน็บไปได้ โดยไม่ต้องมาพะวงว่า  อาหารจะมีเพียงพอหรือไม่ 

มีเพียงฝูงตั๊กแตนเท่านั้นที่อยู่อย่างแร้นแค้น ขาดแคลนอาหารพร้อมกับหิวโหย  แต่ก็ต้องสู้ทน จนกว่าจะผ่านฤดูหนาวถึงจะสามารถออกจากรังไปหาอาหารได้  เพราะความประมาทของตนเองและไม่วางแผนไว้ล่วงหน้าแท้ๆจึงต้องพบกับความหิวโหย

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การคิดวางแผนล่วงหน้าและการเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตที่จะมาถึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การประมาทในสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยย่อมนำมาซึ่งความลำบากในภายหลัง”

มีฝูงหมาป่าหิวโซอยู่ฝูงหนึ่งพวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วพวกมันจึงตัดสินใจเดินไปที่แม่น้ำเพื่อที่จะดื่มน้ำหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาความหิวของพวกมันได้บ้าง แต่แล้วพวกมันก็ได้พบเข้ากับหนังสัตว์อย่างดีจำนวนหนึ่งที่จมอยู่ใต้ก้นแม่น้ำซึ่งคนฟอกหนังได้นำมาแช่เอาไว้ หนังสัตว์พวกนี้นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับหมาป่าที่กำลังหิวโซแต่ทว่าแม่น้ำบริเวณนั้นลึกเกินไปที่พวกมันจะเอื้อมลงไปถึงหนังสัตว์ได้ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้หมาป่าตัวหนึ่งในฝูงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

ณ กระท่อมเล็กๆท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนประกอบไปด้วย พ่อ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และ ลูกชายคนเล็ก วันหนึ่งพ่อของพวกเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกระทันหันและด้วยความชราของผู้เป็นบิดานั้นทำให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้อีกไม่นานเขาเลยตัดสินใจที่จะเรียกลูกชายทั้งสามของเขามาอยู่รอบๆตัวของเขาเพื่อที่จะพูดสั่งเสียก่อนที่เขาจะจากไปหลังจากที่ลูกชายทั้งสามของเขามาครบแล้วผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยกับลูกชายทั้งสามของเขาว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชสีห์และหมีเป็นเพื่อนกัน พวกมันออกหากินที่ป่าใหญ่อยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพวกมันได้ช่วยกันหาอาหารซึ่งเหยื่อของมันก็คือซากของแพะตัวหนึ่งพวกมันได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อที่จะแบ่งอาหารซึ่งก็คือเนื้อแพะตัวนั้น

ณป่าใหญ่แห่งหนึ่งมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายหลายชนิด หนึ่งในสัตว์ป่าก็มีลิงอยู่ตัวหนึ่งมันอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้วเจ้าลิงจะออกมาอยู่ในป่าตรงที่มีลำธารเพื่อจะเก็บผลไม้กินทุกวันทุกวันจนผลไม้ในป่าเริ่มจะหมดลง เจ้าลิงสังเกตเห็นว่ามีป่าใหญ่อีกที่อยู่ตรงกันข้ามกับป่าที่มันอาศัยอยู่มันมองเห็นว่าป่าฝั่งนั้นมีผลไม้มากมายหลายอย่างคงไม่ทำให้มันอยู่อย่างแร้นแค้นเหมือนที่นี่แน่นอน

ณ หมู่บ้าน ริมชายป่าแห่งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งของชาวนา บ้านหลังนี้มักจะมีหนูอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเจ้าของบ้านจึงได้นำแมวมาเลี้ยงไว้หลายตัวเ จ้าแมวเหล่านั้นได้วิ่งไล่จับหนูกินทุกวันจนจำนวนหนูในบ้านลดลงไปมากอยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูทั้งหลายจึงได้ปรึกษากันว่า

กาลครั้งหนึ่งในป่าที่หนาทึบแห่งหนึ่ง ได้มีนกฮูกและช้างซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอาศัยอยู่ ทั้งสองได้แบ่งปันความทุกข์ความสุขให้แก่กันและกัน จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ