ในยามเช้าของฤดูแล้งที่บรรยากาศโดยรอบๆ เต็มไปด้วยใบไม้ ต้นไม้ต่าง ๆดูเหี่ยวเฉา นี่คงจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างก็พากันเร่งหาเสบียงอาหารไว้ให้เพียงพอสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึง
แต่ดูนั่นสิ มันคือฝูงของตั๊กแตนน้อยใหญ่ พวกมันกำลังเพลิดเพลิน สนุกสนาน ส่งเสียงร้องรำทำเพลงเป็นจังหวะ อย่างมีความสุขมาก ๆ ทันใดนั้น มีตั๊กแตนหนุ่มตัวหนึ่ง มันได้สังเกตเห็นว่า ยังมีกลุ่มมดกำลังช่วยกันขนรวงข้าวโพด เมล็ดธัญพืช และอื่น ๆ เดินผ่านผ่านหน้าของพวกตั๊กแตนไป พวกมดเหล่านั้นดูช่างตั้งใจก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขยันขันแข็งเหลือเกิน เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าตั๊กแตนจึงถามเจ้ามดไปว่า
ทำไมไม่หยุดพักผ่อน แล้วร้องรำทำเพลงอย่างพวกข้าบางละ เจ้ามด
ไม่หรอก พวกเรากำลังช่วยกันเก็บรวงข้าวโพดและเสบียงอาหารอีกหลายอย่าง สำหรับเก็บไว้กินในฤดูหนาวกันอยู่นะ
พวกเจ้าก็ควรจะทำเหมือนพวกข้าบ้างหล่ะ ถ้าเข้าหน้าหนาวแล้ว ไม่รู้จะออกมาหาอาหารกันได้ยังไงถ้าไม่หาไว้ตอนนี้มีหวังอดตายกันแน่เลยนะ
ไม่หละ พวกข้าไม่ห่วงเรื่องอาหารหรอกเพราะตอนนี้มีอาหารอยู่มากมายอยู่แล้ว” ตั๊กแตนพูดด้วยความมั่นใจ
อ่องั้นเหรอ งั้นพวกข้าคงต้องเร่งมือกว่านี้อีกละ เดี๋ยวจะไม่ทัน
เหล่าตั๊กแตนทั้งหลาย ก็ได้แต่เฝ้ามองมดที่กำลังแจกจ่ายเสบียงอาหารของพวกมัน ทั้งเมล็ดข้าวและเมล็ดข้าวโพดและอื่นๆที่เคยเก็บไว้เมื่อก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ซึ่งพวกมันก็สามารถกินอย่างอิ่มหน่ำสำราญในรังของตนเองจนผ่านวิกฤตของฤดูหนาวอันหนาวเหน็บไปได้ โดยไม่ต้องมาพะวงว่า อาหารจะมีเพียงพอหรือไม่
มีเพียงฝูงตั๊กแตนเท่านั้นที่อยู่อย่างแร้นแค้น ขาดแคลนอาหารพร้อมกับหิวโหย แต่ก็ต้องสู้ทน จนกว่าจะผ่านฤดูหนาวถึงจะสามารถออกจากรังไปหาอาหารได้ เพราะความประมาทของตนเองและไม่วางแผนไว้ล่วงหน้าแท้ๆจึงต้องพบกับความหิวโหย