สุนัขจิ้งจอกและพวงองุ่น

สุนัขจิ้งจอกและพวงองุ่น

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

แนะนำตัวละคร
เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง  มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย 
มันเดินมาเรื่อยๆ จนถึงท้ายหมู่บ้าน และแล้วมันก็ได้พบกับสวนองุ่นของชาวสวนที่ปลูกไว้ซึ่งเต็มไปด้วยต้นองุ่นที่ออกลูกดกเต็มต้น มีลูกเล็กลูกใหญ่ปะปนกันเต็มไปหมด  โดยเฉพาะต้นองุ่นต้นใหญ่ที่มีอยู่หลายๆต้นนั้น  มันมีผลที่ดูสุกงอมน่ากินมากกว่าต้นเล็กๆที่ผลยังดิบอยู่ เจ้าสุนัขจิ้งจอกเห็นอย่างนั้นจึงได้พูดขึ้นว่า

จิ้งจอก
จิ้งจอก

โอว ดูต้นองุ่นพวกนั้นสิ มันช่างมีผลสุกงอมน่ากินเสียเหลือเกิน

จิ้งจอก
จิ้งจอก

คงไม่เสียทีที่ข้าอุตส่าห์เดินทางลัดเลาะเข้ามาตั้งไกล รสชาดมันคงจะหอมหวาน กรอบอร่อยมากแน่ๆ

เจ้าจิ้งจอกพูดพร้อมปากของมันก็มีน้ำลายไหลออกมา

ทันทีที่มันนึกถึงภาพของตัวเองกำลังได้ลิ้มรสชาดอันหอมหวานขององุ่น มันจึงได้กระโดด พรุ่งตัวขึ้นไปยังต้นองุ่นอย่างสุดแรง เพื่อจะได้ใช้มือตะปบไปที่พวงองุ่นนั้นได้อย่างพอดี แต่ด้วยความสูงของต้นองุ่น ทำให้มันไม่สามารถกระโดดเอื้อมไปได้ถึงพวงองุ่นนั้นเลย ซึ่งมันก็ทำอย่างนี้อยู่หลายๆครั้งซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเริ่มเหนื่อยหอบ
หลังจากความพยามยามของมันไม่เป็นผล  มันจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบ แล้วก็คิดหาวิธีอื่นๆเพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายคือการได้กินองุ่นสุกฉ่ำบนต้นนั้นให้ได้
ทันใดนั้น ก็มีกระรอกน้อยตัวหนึ่ง มันไต่ออกมาจากต้นองุ่นต้นสูงนั้น พร้อมกับพูดขึ้นว่า
กระรอก
กระรอก

เจ้าคิดว่าเจ้าจะกินมันได้จริงๆรึเจ้าสุนัขจิ้งจอก

เสียงเล็กแหลมดังออกมาจากต้นองุ่นสูงนั้น
จิ้งจอก
จิ้งจอก

นั้นใครกัน!!แน่จริงออกมาให้ข้าเห็นตัวซะดีๆ

จิ้งจอกเอ่ยถามด้วยความตกใจ
กระรอก
กระรอก

ฮ่าๆๆข้าอยู่ข้างบนนี้

เจ้าสุนัขจิ้งจอกได้มองหาเจ้าของเสียงนั้นจนได้พบกับเจ้ากระรอกที่เกาะอยู่บนกิ่งองุ่น
จิ้งจอก
จิ้งจอก

ใช่แล้วข้าจะกินองุ่นทุกลูกที่อยู่บนต้นพวกนั้นให้ได้

กระรอก
กระรอก

โอ้อย่างงั้นเหรอ (หัวเราะ) แล้วข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะทำได้ไหม

เจ้าจิ้งจอกได้ยินดังนั้นจึงได้พูดขึ้นว่า
จิ้งจอก
จิ้งจอก

ฮ่าๆๆเจ้าไม่ต้องมาหัวเราะเยาะเย้ยข้า ดูนะ..ข้าจะพิสูจน์ไห้เจ้าได้เห็นว่าข้าต้องทำได้อย่างแน่นอน

กระรอก
กระรอก

ข้าจะรอดูก็แล้วกัน

เจ้ากระรอกไม่พูดอะไรต่ออีก มั่นไต่ไปบนต้นองุ่น แล้วก็นั่งดูสุนัขจิ้งจอกกระโดดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะกินพวงองุ่น

สุนัขจิ้งจอกรู้สึกเหนื่อยล้า มันจึงนั่งลงพักแล้วคิดหาวิธีอื่นๆแทน แต่เวลาก็ล่วงเลยมา มันก็ยังไม่สามารถหาวิธีได้..มันจึงพูดขึ้นว่า
จิ้งจอก
จิ้งจอก

ข้านี่มันช่างโง่เขลาจริง ๆนี่ข้ากำลังดิ้นรนเพื่อพวงองุ่นที่แสนเปรี้ยวหน้าตาไม่น่ากินพวกนั้นเหรอนี่

จิ้งจอก
จิ้งจอก

มันไม่เห็นคู่ควรกับความพยามของข้าเลยสักนิดสู้อาหารอย่างอื่นที่ข้าสามารถหามันมาได้อย่างง่ายๆ กว่านี้ก็ไม่ได้

กระรอก
กระรอก

เจ้าพูดเช่นนี้แปลว่าเจ้าจะไม่กินองุ่นพวกนั้นแล้วอย่างงั้นหรือ?

จิ้งจอก
จิ้งจอก

ใช่แล้ว เจ้าก็ดูพวงองุ่นหน้าเกลียดๆพวกนั้นสิไม่เห็นจะหน้ากินตรงไหนเลย

ทันทีที่เจ้าจิ้งจอกพูดจบ มันก็เดินจากต้นองุ่นสูงต้นนั้นไปโดยที่ไม่หันกลับมามองต้นองุ่นนั้นอีกเลย ส่วนเจ้ากระรอกน้อยได้แต่มองตามหลัง พร้อมพูดออกมาว่า "นี่ความพยายามของเจ้ามีเพียงแค่นี้จริงๆละนะ"
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ผู้ที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่สำเร็จ มักจะกล่าวโทษว่าสิ่งนั้นไม่ดีและจะดูถูกสิ่งสิ่งนั้นเสมอพร้อมกับคิดว่ามันไม่คู่ควรต่อความพยามของตัวเองโดยหารู้ไม่ว่า ตัวเราเองนั้นที่ไม่เพียรพยายามพอที่จะทำให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้”

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

มดจะขนอาหารมาเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงเพื่อให้มีอาหารกินตลอดหน้าหนาวและเตือนให้ตั้กแตนเก็บอาหารไว้บ้างแต่ตั๊กแตนกลับคิดว่าพวกตนมีเสบียงเพียงพอแล้วไม่ต้องหาเพิ่มเติมอีก

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง

ครั้งหนึ่ง บรรดาหนูในบ้านหลังหนึ่งต่างมาประชุมกัน เพื่อคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากเจ้าแมวตัวร้ายที่ชอบไล่จับหนูกินทุกวัน หนูหลายตัวเสนอวิธีต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนเข้าที หนูหนุ่มตัวหนึ่งเสนอว่า

ณ หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ทุก ๆ วันชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจะตื่นขึ้นมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงจะทำงานบ้าน และคอยหาอาหารเพื่อรอสามีกลับมาจากทำงาน กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้นำผ้าที่ซักเอาไว้ออกมาตากที่ราวตากผ้า

ณ แปลงข้าวโพดอันกว้างใหญ่ ที่ชาวไร่ได้ทำการปลูกเอาไว้เพื่อทำมาหากิน ซึ่งทุก ๆ วันที่ชาวไร่เดินทางมายังแปลงข้าวโพดเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตก็มักจะพบว่าข้าวโพดที่ตนได้ปลูกเอาไว้นั้นเสียหายเป็นอย่างมาก สาเหตุเป็นเพราะนกยางชอบมาจิกกินข้าวโพดนั่นเอง

กาลครั้งหนึ่ง ณ บึงอันกว้างใหญ่ที่มีสิงสาราสัตว์นานาพันธุ์อาศัยอยู่ มีกบสองตัวเป็นเพื่อนรักกัน กบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบึงแห่งนี้ ไม่ว่าจะฤดูใดก็มีน้ำเต็มปรี่ตลอดปี และมีเพื่อนพ้องกบอีกหลายตัวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนกบอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักของมันอาศัยอยู่ในลำห้วยเล็ก ๆ ที่ชาวไร่มักจะใช้เส้นทางนี้ในการลากเกวียน