ลาและเจ้าของ

ลาและเจ้าของ

ลาตัวหนึ่งถูกขี่โดยเจ้าของไปตามทาง ทันใดนั้นลาเริ่มเดินออกนอกเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ขอบของหน้าผาลึก ในขณะที่ลากำลังจะตกนั้น เจ้าของจับที่หางของมันเพื่อดึงมันกลับมา

แนะนำตัวละคร
มีเจ้าของลาและเจ้าลาแก่ตัวหนึ่ง  พวกเขากำลังออกเดินทางไปตามถนนที่ทอดยาวไปในป่า เจ้าลาพาเจ้าของของมันเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบ พร้อมกับชื่นชมธรรมชาติ ต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบๆในระหว่างการเดินทาง แต่หารู้ไม่ว่าถนนที่ได้เดินทางมานับไกลนั้นมันกลับไม่มีที่เดินต่อไปเสียแล้ว  มันได้สิ้นสุดตรงที่เป็นหน้าผาลึก

ชายหนุ่ม
ชายหนุ่ม

สุดทางแล้วเหรอนี่ ไปต่อไม่ได้แล้ว


เจ้าของลาเห็นดังนั้นจึงหยุดเดินพร้อมๆกับดึงหางลาไว้เพื่อหวังให้ลาไม่เดินตกลงไปยังเหวลึก 
ชายหนุ่ม
ชายหนุ่ม

หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าลาข้าบอกให้เจ้าหยุดเดินไง ไม่เห็นเหรอว่าข้างหน้ามันเป็นหน้าผา

แต่เจ้าลานั้นกับยังดื้อดึงและยังพยายามที่จะเดินต่อไป 
ชายหนุ่ม
ชายหนุ่ม

ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังข้า ...ข้าก็จะไม่รั้งเจ้าไว้อีกต่อไปแล้ว..จะไปไหนก็ไป ข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้ว

  เจ้าของลาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยลาไปโดยพูดว่า 
ชายหนุ่ม
ชายหนุ่ม

หากเจ้ายังดื้อดึงที่จะยังเดินต่อไปเช่นนั้นข้าก็ไม่สามารถรั้งเจ้าไว้ได้

สิ้นคำกล่าวเจ้าของลาจึงปล่อยหางลาตัวนั้นไป และได้คิดย้ำเตือนว่าสิ่งที่ลาตัวนั้นเลือกจะเกิดอะไรขึ้นก็ถือว่านั่นคือผลของการกระทำของตัวมันเอง
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ถ้าลองได้เลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่งไว้แล้ว ไม่ว่าจะใช้แรงฉุดมากน้อยเพียงใดก็ไม่สามารถจะหยุดการตัดสินใจของคนนั้นได้”

แมลงวันฝูงใหญ่โผบินผ่านตึกรามบ้านช่องเพื่อที่จะหาอาหารประทังชีวิต บางฝูงเลือกที่จะตอมอาหารจานโปรด บางฝูงเลือกที่จะมองหาเศษอาหารข้างถนน แต่มีแมลงวันฝูงหนึ่งที่บินผ่านบ้านหลังเล็ก พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร แมลงวันตัวที่หนึ่งจึงเรียกเพื่อน ๆ ของมันทันที

วันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนจะแห้งแล้งและก็อบอ้าว สิงโตและแพะต่างก็เดินหาแหล่งน้ำเพื่อที่พวกมันจะดื่มและดับกระหาย จนพวกมันเดินมาพบกับหนองน้ำแห่งหนึ่งแต่หนองน้ำแห่งนี้ไม่มีน้ำอยู่เลย มันช่างดูแห้งขอดเหลือเกิน สิงโตและแพะต่างทะเลาะกันถกเถียงกันเพื่อที่จะแย่งกันกินน้ำจนทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

ณ กระท่อมเล็กๆท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนประกอบไปด้วย พ่อ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และ ลูกชายคนเล็ก วันหนึ่งพ่อของพวกเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกระทันหันและด้วยความชราของผู้เป็นบิดานั้นทำให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้อีกไม่นานเขาเลยตัดสินใจที่จะเรียกลูกชายทั้งสามของเขามาอยู่รอบๆตัวของเขาเพื่อที่จะพูดสั่งเสียก่อนที่เขาจะจากไปหลังจากที่ลูกชายทั้งสามของเขามาครบแล้วผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยกับลูกชายทั้งสามของเขาว่า

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งอย่างคล่องแคล่วอยู่ท่ามกลางแสงแดดเพื่อหาอาหาร มันเจอกับดักแด้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ ดักแด้ขยับหางของมัน ซึ่งดึงดูดความสนใจของมดที่เพิ่งเห็นว่าดักแด้ยังมีชีวิตอยู่

ณ งานเทศกาลประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในงานเทศกาลนั้นได้มีการจัดการแสดงของตัวตลกด้วย ตัวตลกคนนี้ได้แสดงความสามารถมากมายเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมแต่มีการแสดงอยู่การแสดงหนึ่งที่ตัวตลกคนนี้ถนัดเป็นพิเศษ นั่น คือ การเลียนแบบเสียงของสัตว์ได้หลากหลายชนิด เขาได้โชว์การแสดง เลียนแบบเสียงของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่ประทับใจเป็นอย่างมาก

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชสีห์และหมีเป็นเพื่อนกัน พวกมันออกหากินที่ป่าใหญ่อยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพวกมันได้ช่วยกันหาอาหารซึ่งเหยื่อของมันก็คือซากของแพะตัวหนึ่งพวกมันได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อที่จะแบ่งอาหารซึ่งก็คือเนื้อแพะตัวนั้น

กลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า