เด็กเลี้ยงแกะ

เด็กเลี้ยงแกะ

ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสวยงาม เด็กชายคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแกะฝูงใหญ่ เขานั่งแบบนี้อยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง เขาได้นั่งเฝ้ามองแกะที่อยู่กลางทุ่งทุกวัน ๆ เด็กเลี้ยงแกะไม่มีอะไรทำ เกิดความเบื่อหน่าย จึงคิดจะเล่นอะไรบางอย่างและคิดที่จะแกล้งชาวบ้าน พอคิดอย่างนั้น เขาจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมตะโกนออกไปดังลั่นว่า

แนะนำตัวละคร
ในทุ่งหญ้าท้ายหมู่บ้าน มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแกะฝูงใหญ่  เขานั่งแบบนี้อยู่เป็นประจำ 
วันหนึ่ง เขาได้นั่งเฝ้ามองแกะที่อยู่กลางทุ่งทุกวัน ๆ  เด็กเลี้ยงแกะไม่มีอะไรทำ เกิดความเบื่อหน่าย จึงคิดจะเล่นอะไรบางอย่างและคิดที่จะแกล้งชาวบ้าน พอคิดอย่างนั้น เขาจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมตะโกนออกไปดังลั่นว่า   
 
เด็กชาย
เด็กชาย

ช่วยด้วย!!!ๆหมาป่าจะกินแกะของผมแล้ว ช่วยด้วยๆ  ช่วยที

ชาวบ้านตกใจเมื่อได้ยินดังนั้นจึงรีบไปดูเพื่อช่วยเด็กเลี้ยงแกะ พอถึงทุ่งหญ้าทันใดนั้นเด็กเลี้ยงแกะก็พลันหัวเราะขึ้นก่อนจะพูดขึ้นว่า
เด็กชาย
เด็กชาย

สนุกจัง โดนหลอกแล้ว ฮ่าๆๆ

ชาวบ้านได้ยินอย่างนั้น ก็เดินออกไปอย่างผิดหวังเบาๆ วันต่อมาเด็กเลี้ยงแกะคิดทำแบบเดิมอีกเพื่อเรียกร้องความสนใจ  เด็กเลี้ยงแกะจึงทำพฤติกรรมแบบเดิม ครั้งนี้ชาวบ้านถึงกับโมโหใหญ่  จึงได้คุยกันว่า
ชาวบ้าน
ชาวบ้าน

หากเจ้าเด็กเลี้ยงแกะยังทำแบบเดิมอีกไม่ต้องไปสนใจเขานะ

  และแล้วในวันที่เด็กเลี้ยงแกะก็ได้เฝ้าดูแกะที่อยู่ในทุ่งตามปรกตินั้นจู่ๆก็มีฝูงหมาป่าค่อยเข้ามากินแกะทีละตัวสองตัว  เด็กเลี้ยงแกะเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งหน้าตาตื่นไปที่หมู่บ้านและตะโกนให้ชาวบ้านช่วยแต่ชาวบ้านกลับนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จนเด็กเลี้ยงแกะกลับไปที่ทุ่งก็ต้องพบกับความว่างเปล่าเสียแล้ว  เด็กเลี้ยงแกะได้แต่นั่งร้องให้ฟุมฟายอย่างหน้าสงสารและหน้าเวทนา
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ผู้โกหกย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อถือ และไม่มีใครอยากใส่ใจเพราะนอกจากจะทำให้พวกเขาเสียเวลายังเสียความรู้สึกอีกด้วย”

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

มีลาตัวหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ งานของมันคือการขนสัมภาระไปให้เจ้าของของมัน ยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป สัมภาระนั้นดูมากจนเต็มหลังไปหมด มันเดินมาสักระยะหนึ่ง จนถึงธารน้ำ และตั้งใจที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง เพราะเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือหมู่บ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของธารน้ำ

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีกบฝูงใหญ่พวกมันอาศัยอยู่ในบึงน้ำกว้างอย่างมีความสุข ต่อมาในเช้าวันหนึ่งพวกกบเหล่านี้จึงปรึกษากันว่าพวกเราอยู่แบบนี้ด้วยกันมานานแล้วอยากจะหาเจ้านายหรือใครก็ได้เขาจะได้เป็นผู้นำและดูแลทุกข์สุข ช่วยปกครองดูแลพวก มันจึงได้รวมตัวกันและทำการร้องขอต่อเทวดาว่า

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

กาตัวหนึ่งบินร่อนหาอาหารแถบชายฝั่งทะเล สายตาของมันพยายามมองหาอาหารสำหรับวันนี้ มันเหลือบเห็นหอยกาบตัวใหญ่บนหาดทรายจึงโฉบลงมาหมายจะจิกกิน