ม้ากับลา

ม้ากับลา

ผู้แต่ง: เนตรอำพัน By Nitans.com

เจ้าลาตัวน้อยสีน้ำตาลเดินโซเซตรงมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลน ในช่วงของฤดูแล้งที่ไม่มีสายฝนโปรยปรายลงมาจากฟ้า แม้แต่หญ้าสักต้นก็หาได้หายาก หลังจากที่เจ้าลาน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและแล้วมันก็พบกับคอกม้าซึ่งในนี้มีม้าสีขาวตัวใหญ่ยืนอยู่มันดูสูงสง่ามาก ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากจากสภาพของเจ้าลาในตอนนี้

แนะนำตัวละคร
เจ้าลาตัวน้อยสีน้ำตาลเดินโซเซตรงมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลน ในช่วงของฤดูแล้งที่ไม่มีสายฝนโปรยปรายลงมาจากฟ้า แม้แต่หญ้าสักต้นก็หาได้หายาก หลังจากที่เจ้าลาน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและแล้วมันก็พบกับคอกม้าซึ่งในนี้มีม้าสีขาวตัวใหญ่ยืนอยู่มันดูสูงสง่ามาก ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากจากสภาพของเจ้าลาในตอนนี้ แต่ด้วยความหิวโหยจนรู้สึกไร้เรี่ยวแรง หากวันนี้ไม่ได้กินอะไรเลยมันคงต้องตายแน่ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันจึงตัดสินใจเดินตรงไปเพื่อขออาหารสักเล็กน้อยจากเจ้าม้าตัวใหญ่ตัวนั้น เจ้าม้าก้มมองลงมาที่เจ้าลาตัวเล็กผู้ต่ำต้อยก่อนจะถามว่าขึ้นว่า
ม้า
ม้า

เจ้าลาน้อยเหตุใดถึงเดินเข้ามาที่คอกม้าของข้าแห่งนี้

ม้า
ม้า

หรือว่าตัวเจ้ากำลังลำบากต้องการอยากให้ข้าช่วยเหลือ ใช่ไหม?

เจ้าลาตัวน้อยผู้หิวโซ หลังจากรวบรวมพลังความกล้าแล้ว จึงค่อย ๆ เงยหน้ามองไปยังเจ้าม้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมด้วยแววตามอ้อนวอน ก่อนจะพูดขึ้นว่า
ลา
ลา

หลายวันมานี้ข้าไม่ได้กินอะไรเลย และตอนนี้ข้ากำลังหิวมาก

ลา
ลา

ได้โปรดเถิดท่านม้า ขอให้ข้าได้เพียงเศษอาหารจากท่านสักเล็กน้อยเพื่อให้ข้าได้ประทังความความหิวโหยได้บ้าง

เมื่อม้าได้ยินคำอ้อนวอนจากเจ้าลาน้อย จึงเกิดความสงสารและเห็นใจเจ้าลายิ่งนัก กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นแสดงถึงความยินดีพร้อมที่จะช่วยเหลือ
ม้า
ม้า

ได้สิเจ้าลาน้อย เพราะตัวข้ามีอะไรหลายอย่างที่เพรียบพร้อมมากกว่าตัวเจ้า ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือศักดิ์ศรีในตัวข้า

ม้า
ม้า

หากเป็นเช่นนี้ตัวของข้าจะขอเป็นผู้มอบความช่วยเหลือกับตัวเจ้าเอง

เมื่อเจ้าลาน้อยได้ยินคำตอบเช่นนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและดีใจมาก  หลังจากที่ตัวเองต้องทนความลำบากอดอาหารมาหลายวัน ก่อนที่เจ้าม้าจะกล่าวกับเจ้าลาต่อไปอีกว่า
ม้า
ม้า

และถ้าเจ้านั้นกลับมาหาข้าทุกวันในตอนเย็นที่คอกม้าของข้าแห่งนี้ ข้าจะเหลือหญ้าเขียวๆพร้อมกับข้าวบาร์เลย์อร่อย ๆ ให้แก่เจ้าเป็นกระสอบเลยทีเดียว”

ลา
ลา

ข้าขอขอบคุณท่านมาก ต่อไปนี้ข้าขอเป็นสหายของท่านตลอดไป

นับจากวันนั้นเจ้าม้าผู้ใจดีกับเจ้าลาตัวน้อยผู้น่าสงสาร ก็ได้เป็นเพื่อนรักกัน และต่างฝ่ายก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเรื่อยมา
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การให้สิ่งของกับผู้อื่นถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากสำหรับผู้ที่ด้อยกว่า”

มีนักธนูฝีมือดีอยู่คนหนึ่งเขาได้ออกเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อที่จะล่าสัตว์แต่ด้วยความเก่งกาจและความหน้าแกรงขามของเขานั้นทันทีที่เขาได้ย่างเท้าก้าวเขาไปในป่าได้ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างหวาดกลัวพากันแตกตื่นวิ่งหนีเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปกันหมดในเวลาที่เขาเข้าใกล้พวกมัน

เจ้าหมา เดินคาบเนื้อมาอย่างสบายใจหวังจะหาที่สงบเงียบสักแห่งก่อนจะกินเนื้อที่ได้มาอย่างอร่อยมันได้เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงสะพานจนสังเกตเห็นว่ามีเงาตัวอะไรในน้ำ ดูแล้วก็คล้ายๆตัวของมันเอง แต่มีก้อนเนื้อในปากที่ใหญ่กว่า

มีสุนัขจอมตะกละ มันชอบกินไข่เป็นอย่างมากมันได้แวะเวียนไปที่เล้าไก่หลายครั้งเวลาที่มันหิวเพื่อที่จะได้ขโมยไข่ของแม่ไก่มากิน วันหนึ่งมันได้กินหอยนางรมทำให้มันเกือบท้องแตกตายเพราะคิดว่ามันจะอร่อยเหมือนไข่ไก่ที่เคยกิน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บึงน้ำท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีวัวตัวหนึ่งลงมากินหญ้าและน้ำที่ริมบึงเพื่อดับกระหาย แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และความไม่ระวังของเจ้าวัวนั้นในขณะที่มันกำลังจะลงไปกินน้ำที่บึง ทำให้มันเผลอเหยียบลูกกบตัวหนึ่งจนลงไปในโคลน

ใจกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีเม่นน่าสงสารตัวหนึ่งเดินเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัย สภาพของมันทั้งหิวโซ และอิดโรยจากการเดินทางเร่ร่อนมานาน จนมาพบพวกงูใจดีตัวหนึ่งกำลังขดอยู่ที่พื้น

แมวตัวหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองเพื่อหาอาหารกิน ตัวมันเริ่มผอมกะหร่องเพราะไม่มีอาหารกินมาหลายวันแล้ว จนกระทั่งมันไปพบกับแม่ไก่ตัวหนึ่งที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้เป็นแม่พันธุ์ เจ้าแมวจึงมองไก่ตัวนั้นด้วยความหิวกระหาย

กลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า