ลาและตัํกแตน

ลาและตัํกแตน

ลาตัวหนึ่งได้ยินเสียงที่ไพเราะของตั๊กแตนแล้วลาตัวนั้นจึงอยากจะมีเสียงไพเราะอย่างตั๊กแตนบ้าง หารู้ไหมว่ามันเปลี่ยนแปลงวิถีชิวิตเดิมของตน

แนะนำตัวละคร
มีเจ้าลาตัวหนึ่งมันได้เดินลัดเลาะหาเล็มใบหญ้ามาตามป่าเขาลำเนาไพร จนมาถึงลำธารแห่งหนึ่งดูแล้วมันช่างดูร่มรื่นยิ่งนัก และตั้งใจจะนอนพักให้หายเหนื่อยสักหน่อย ทันได้นั้น มันได้ยินเสียงอันไพเราะดังมาจากในป่า  
ลา
ลา

นี่มันเสียงอะไร ของใครกันนะ ทำไมมันช่างไพเราะขนาดนี้

 เจ้าลาเดินตามไปยังต้นตอของเสียงก่อนจะพบกับตั๊กแตนตัวเล็กที่กำลังบรรเลงเสียงเพลง เจ้าลาไม่รอช้ารีบเข้าไปหาเจ้าของเสียงในทันที เจ้าลาจึงได้เอ่ยถามตั๊กแตนว่า 
ลา
ลา

เจ้าตั๊กแตนทำไมเจ้าถึงได้มีน้ำเสียงอันไพเราะอย่างนี้เหรอจ๊ะ

ตั๊กแตน
ตั๊กแตน

ฉันกินน้ำค้างเป็นอาหารทุกเช้านะ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าลาก็ครุ่นคิดในใจว่า มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ลา
ลา

เอาละ ข้าจะต้องทำตามเสียแล้วละ เผื่อเสียงของข้าจะไพเราะเหมือนเจ้าตั๊กแตนบ้าง

ตั้งแต่วันนั้นเจ้าลาก็คอยเลียน้ำค้างตามใบไม้ใบหญ้าทุกเช้า เพื่อหวังว่าตัวเองจะมีเสียงอันไพเราะให้ได้ หารู้ไม่ว่า มันไม่สัมฤทธิ์ผลใดๆ
 
ลา
ลา

นี่หรือเสียงอันไพเราะจากการกินน้ำค้าง ข้าคงทำต่อไปไม่ไหวละ

เจ้าลานั้นทนความหิวของตัวเองไม่ไหวเพราะมันได้แต่เลียน้ำค้าง จนลืมไปว่าอาหารของมันก็คือยอดหญ้าต่างหากไม่ใช่น้ำค้าง แล้วมันก็กลับไปกินใบไม้ใบหญ้าตามเดิมโดยไม่สนใจที่จะทำให้ตนมีเสียงไพเราะเหมือนตัํกแตนแล้ว
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ควรมีความพึงพอใจในสิ่งที่ตนเองมีการทำตามคนอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากวิถีชีวิตเดิมย่อมนำมาซึ่งความยากลำบากในภายหลัง”

ณ บ้านชาวนาแห่งหนึ่ง ได้มีเจ้าแมวและครอบครัวขอหนูอาศัยอยู่ในบ้านชาวนาหลังเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เจ้าแมวถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายแต่พวกหนูต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวเขี้ยวอันคมและกรงเล็บอันแหลมของเจ้าแมวที่ชาวนาเลี้ยงไว้มาตลอดเวลา

มีเจ้ามดตัวน้อยตัวหนึ่งมันได้เดินพลัดหลงกับกลุ่มเพื่อนๆมาไกลมาก จนกระทั่งมันได้มาหยุดที่ลำธารกลางป่าแห่งหนึ่งแต่กลับตกลงไปในลำธารน้ำไหลเชี่ยว ก้มลงหวังจะกินให้หายกระหาย แต่ด้วยความที่น้ำมันไหลเชี่ยวแรงมาก ทำให้เจ้ามดน้อยตกลงไปในน้ำและโดนกระแสน้ำพัดพาไปไกลจากที่เดิม

แมลงวันฝูงใหญ่โผบินผ่านตึกรามบ้านช่องเพื่อที่จะหาอาหารประทังชีวิต บางฝูงเลือกที่จะตอมอาหารจานโปรด บางฝูงเลือกที่จะมองหาเศษอาหารข้างถนน แต่มีแมลงวันฝูงหนึ่งที่บินผ่านบ้านหลังเล็ก พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร แมลงวันตัวที่หนึ่งจึงเรียกเพื่อน ๆ ของมันทันที

เจ้าหมา เดินคาบเนื้อมาอย่างสบายใจหวังจะหาที่สงบเงียบสักแห่งก่อนจะกินเนื้อที่ได้มาอย่างอร่อยมันได้เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงสะพานจนสังเกตเห็นว่ามีเงาตัวอะไรในน้ำ ดูแล้วก็คล้ายๆตัวของมันเอง แต่มีก้อนเนื้อในปากที่ใหญ่กว่า

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย ราชสีห์ตัวใหญ่ มองดูแล้วช่างสมกับเป็นเจ้าแห่งป่า น่าเกรงขามยิ่งนัก มันกำลังนอนหลับนิ่งเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหนูตัวน้อย ได้ออกมาวิ่งเล่นหาอาหารกินในบริเวณ

ณ หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ทุก ๆ วันชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจะตื่นขึ้นมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงจะทำงานบ้าน และคอยหาอาหารเพื่อรอสามีกลับมาจากทำงาน กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้นำผ้าที่ซักเอาไว้ออกมาตากที่ราวตากผ้า

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

ณ กระท่อมเล็กๆท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนประกอบไปด้วย พ่อ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และ ลูกชายคนเล็ก วันหนึ่งพ่อของพวกเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกระทันหันและด้วยความชราของผู้เป็นบิดานั้นทำให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้อีกไม่นานเขาเลยตัดสินใจที่จะเรียกลูกชายทั้งสามของเขามาอยู่รอบๆตัวของเขาเพื่อที่จะพูดสั่งเสียก่อนที่เขาจะจากไปหลังจากที่ลูกชายทั้งสามของเขามาครบแล้วผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยกับลูกชายทั้งสามของเขาว่า