ลากับหนังราชสีห์

ลากับหนังราชสีห์

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

แนะนำตัวละคร
มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่  
บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์
ลา
ลา

ฮ่าๆๆข้าคือเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่

โดยมันหวังว่าจะทำให้สัตว์อื่นๆกลัวเหมือนกับราชสีห์ตัวนั้น
หมาจิ้งจอกได้ยินเสียงนั้น แต่มันก็รู้ ได้ว่ามันก็คือเสียงของลาจึงได้พูดว่า
จิ้งจอก
จิ้งจอก

นี่ถ้าข้าหลงเชื่อเสียงของเจ้าที่ทำท่าขู่คำรามข้าคงจะต้องตกใจแล้วก็วิ่งหนีไปเหมือนสัตว์อื่นๆเป็นแน่

จิ้งจอก
จิ้งจอก

เจ้าลาโง่ มันไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับคำพูดนี้เลยมันได้แต่เพียงเดินอย่างเดินออกไปอย่างไม่รู้สึกอะไรเลย

จิ้งจอก
จิ้งจอก

สักวันเจ้าจะกลายเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัวจากความอวดเก่งของเจ้า

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“อย่าอวดอ้างว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นเพราะนั่นมันไม่ใช่ผลดีกับตัวเราเอง เพราะอาจมีอันตรายตามมาอย่างไม่รู้ตัวเป็นแน่”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าใหญ่ที่มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ มีหมีตัวหนึ่งเดินหาอาหารกิน ซึ่งหมีชื่นชอบผลไม้เป็นชีวิตจิตใจ หากได้พบกับต้นเบอร์รี่ มันจะกินจนเกลี้ยงไม่ให้เหลือ แต่วันนี้เบอร์รี่ที่มันชื่นชอบหมดเสียแล้ว มันจึงต้องเดินหาอาหารต่อไปจนได้มาพบกับรังผึ้งรวงใหญ่

ณ กระท่อมเล็กๆท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนประกอบไปด้วย พ่อ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และ ลูกชายคนเล็ก วันหนึ่งพ่อของพวกเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกระทันหันและด้วยความชราของผู้เป็นบิดานั้นทำให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้อีกไม่นานเขาเลยตัดสินใจที่จะเรียกลูกชายทั้งสามของเขามาอยู่รอบๆตัวของเขาเพื่อที่จะพูดสั่งเสียก่อนที่เขาจะจากไปหลังจากที่ลูกชายทั้งสามของเขามาครบแล้วผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยกับลูกชายทั้งสามของเขาว่า

แมลงวันฝูงใหญ่โผบินผ่านตึกรามบ้านช่องเพื่อที่จะหาอาหารประทังชีวิต บางฝูงเลือกที่จะตอมอาหารจานโปรด บางฝูงเลือกที่จะมองหาเศษอาหารข้างถนน แต่มีแมลงวันฝูงหนึ่งที่บินผ่านบ้านหลังเล็ก พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร แมลงวันตัวที่หนึ่งจึงเรียกเพื่อน ๆ ของมันทันที

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชสีห์และหมีเป็นเพื่อนกัน พวกมันออกหากินที่ป่าใหญ่อยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพวกมันได้ช่วยกันหาอาหารซึ่งเหยื่อของมันก็คือซากของแพะตัวหนึ่งพวกมันได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อที่จะแบ่งอาหารซึ่งก็คือเนื้อแพะตัวนั้น

มีลาตัวหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ งานของมันคือการขนสัมภาระไปให้เจ้าของของมัน ยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป สัมภาระนั้นดูมากจนเต็มหลังไปหมด มันเดินมาสักระยะหนึ่ง จนถึงธารน้ำ และตั้งใจที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง เพราะเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือหมู่บ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของธารน้ำ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วที่ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ได้มีหมาป่าตัวหนึ่ง มันเดินทางเข้ามาในป่าใหญ่จนมาถึงลำธารเจ้าหมาป่ามองเห็นลูกแกะตัวหนึ่ง ลูกแกะตัวนั้นมันกำลังก้มดื่มน้ำอยู่ที่ปลายลำธาร

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

ณ ป่าเขาที่มีลำธารใสสะอาดไหลผ่าน ลำธารแห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญของผืนป่าแล้วนั้น ยังเป็นผืนน้ำที่ให้บรรดาสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายได้มาดื่มกิน