ลาและกบ

ลาและกบ

มีลาตัวหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ งานของมันคือการขนสัมภาระไปให้เจ้าของของมัน ยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป สัมภาระนั้นดูมากจนเต็มหลังไปหมด มันเดินมาสักระยะหนึ่ง จนถึงธารน้ำ และตั้งใจที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง เพราะเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือหมู่บ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของธารน้ำ

แนะนำตัวละคร

ในวันหนึ่งที่อากาศสดใส ท้องฟ้าดูปลอดโปร่ง  มีลาตัวหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ งานของมันคือการขนสัมภาระไปให้เจ้าของของมัน สัมภาระนั้นดูมากจนเต็มหลังไปหมด มันเดินมาสักระยะหนึ่ง จนถึงธารน้ำและตั้งใจที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่งเพราะเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือหมู่บ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของธารน้ำ มองออกไปก็อยู่ไม่ไกลมากนัก

มันค่อยๆก้าวเท้าไปละน้อยด้วยความระมัดระวังหวังจะข้ามธารน้ำ และก้มลงเพื่อที่จะกินน้ำสักหน่อย แต่ทันใดนั้นก็สะดุดก้อนหินและล้มลงจนสุดตัว มันพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะสัมภาระที่แบกอยู่เต็มหลังนั้นหนัก ไม่อาจทำให้ขยับตัวได้เลย ลาได้แต่นอนร้องโอดครวญอยู่อย่างนั้น
ลา
ลา

ขาของข้า ข้าเจ็บเหลือเกิน  นี่ล้มลงจนสุดตัวเลยทีเดียว

ทันใดนั้น มีกบตัวหนึ่ง มันอยู่ในธารน้ำนั้นพอดี  พอได้ยินเสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดของเจ้าลา จึงได้พูดขึ้นว่า
กบ
กบ

เจ้าเจ็บมากมายขนาดนั้นเลยหรือนี่

เจ้าจะทำอย่างไรถ้าต้องอยู่ที่นี่ตลอดเหมือนข้า ทั้งๆที่เจ้าแค่ตกลงไปในน้ำเล็กน้อยเท่านี้

ลา
ลา

ข้าเจ็บข้าก็ต้องร้อง แล้วข้าจะอยู่เหมือนเจ้าได้อย่างไรหละ เจ้ากบ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ลา
ลา

เจ้าเป็นสัตว์ที่มีชีวิตอาศัยอยู่ในน้ำ จะมาเหมือนข้าได้ยังไง โง่ จริงๆพูดอะไรไม่เข้าท่าเลย 


ลาก็หยุดร้องในทันทีก่อนที่จะค่อยๆดันตัวขึ้นจากแอ่งน้ำนั้นแล้วตะเกียดตะกายออก พร้อมกับทิ้งสัมภาระที่หนักไว้ตรงนั้น และพาตัวของมันเดินโซเซต่อไป
เจ้ากบได้แต่มองตามและหัวเราะ ไม่หยุด
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“อย่าดูถูกคนอื่นที่มีความสามารถไม่เท่ากับตน เพราะบางคนมีความสามารถและเชี่ยวชาญในคนละด้าน”

ณ แปลงข้าวโพดอันกว้างใหญ่ ที่ชาวไร่ได้ทำการปลูกเอาไว้เพื่อทำมาหากิน ซึ่งทุก ๆ วันที่ชาวไร่เดินทางมายังแปลงข้าวโพดเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตก็มักจะพบว่าข้าวโพดที่ตนได้ปลูกเอาไว้นั้นเสียหายเป็นอย่างมาก สาเหตุเป็นเพราะนกยางชอบมาจิกกินข้าวโพดนั่นเอง

ลาตัวหนึ่งถูกขี่โดยเจ้าของไปตามทาง ทันใดนั้นลาเริ่มเดินออกนอกเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ขอบของหน้าผาลึก ในขณะที่ลากำลังจะตกนั้น เจ้าของจับที่หางของมันเพื่อดึงมันกลับมา

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

ณ บ้านชาวนาแห่งหนึ่ง ได้มีเจ้าแมวและครอบครัวขอหนูอาศัยอยู่ในบ้านชาวนาหลังเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เจ้าแมวถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายแต่พวกหนูต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวเขี้ยวอันคมและกรงเล็บอันแหลมของเจ้าแมวที่ชาวนาเลี้ยงไว้มาตลอดเวลา

ลาตัวหนึ่งได้ยินเสียงที่ไพเราะของตั๊กแตนแล้วลาตัวนั้นจึงอยากจะมีเสียงไพเราะอย่างตั๊กแตนบ้าง หารู้ไหมว่ามันเปลี่ยนแปลงวิถีชิวิตเดิมของตน

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

กลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า

ณป่าใหญ่แห่งหนึ่งมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายหลายชนิด หนึ่งในสัตว์ป่าก็มีลิงอยู่ตัวหนึ่งมันอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้วเจ้าลิงจะออกมาอยู่ในป่าตรงที่มีลำธารเพื่อจะเก็บผลไม้กินทุกวันทุกวันจนผลไม้ในป่าเริ่มจะหมดลง เจ้าลิงสังเกตเห็นว่ามีป่าใหญ่อีกที่อยู่ตรงกันข้ามกับป่าที่มันอาศัยอยู่มันมองเห็นว่าป่าฝั่งนั้นมีผลไม้มากมายหลายอย่างคงไม่ทำให้มันอยู่อย่างแร้นแค้นเหมือนที่นี่แน่นอน