ลาและเงาของมัน

ลาและเงาของมัน

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

แนะนำตัวละคร
ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาและถามว่า
นักเดินทาง
นักเดินทาง

ท่านมีลาที่ตัวใหญ่ดูแข็งแรง สามารถขนเสบียงของข้าได้ไหม

ชายเจ้าของลาจึงตอบไปว่า 
เจ้าของลา
เจ้าของลา

ข้ามีหลายตัวเลยทีเดียว แต่ข้าจะให้เจ้าเอาลาตัวนี้ไป เพราะมันตัวใหญ่ดูแข็งแรงกว่าตัวอื่น ๆ ที่สำคัญมันฉลาดและเชื่องมาก

เจ้าของลา
เจ้าของลา

มันเคยเดินทางไปยังเมืองที่อยู่ห่างไกลมาหลายเมืองแล้ว

เมื่อนักเดินทางได้ยินอย่างนั้น เขาตอบตกลงและยินดีจ่ายค่าเช่าลา ตามที่ชายเจ้าของลาได้บอกไว้
เจ้าของลา
เจ้าของลา

แต่การเดินทางนั้นข้าต้องเดินทางไปด้วยนะ เพราะเกรงว่าเจ้าลาจะไม่คุ้นเคยและไม่เชื่องเหมือนมันอยู่กับเจ้าของ

นักเดินทาง
นักเดินทาง

ได้สิ ตกลงตามนั้น งั้นพวกเราก็ออกเดินทางพรุ่งนี้เลย

ชายทั้งสองคน พร้อมกับเจ้าลาและเสบียงที่บรรทุกไว้เต็มหลังพร้อมออกเดินทาง พวกเขาเดินทางมาครึ่งวัน  ระยะทางที่ห่างจากเมืองเป้าหมายยังอยู่อีกไกล และไม่มีต้นไม้ใหญ่ที่จะสามารถให้ร่มเงาได้  มีเพียงพื้นหญ้าอันเหี่ยวเฉาจากอากาศที่ร้อนระอุ  ต้องหาที่หลบแดดให้ได้ ชายทั้งสองจึงคิดที่จะอาศัยพักที่เงาของเจ้าลา 
นักเดินทาง
นักเดินทาง

ข้าจะพักที่ร่มใต้เงาเจ้าลานะ ข้าร้อนเหลือเกิน

เจ้าของลา
เจ้าของลา

ไม่ได้นะ ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะได้พักในร่มของลา ข้าต่างหากที่จะพักใต้เงนได้ เพราะข้าเป็นเจ้าของ

นักเดินทาง
นักเดินทาง

ข้าเป็นคนเช่าเจ้าลาตัวนี้น่ะ เท่ากับว่าข้าก็เช่าเงาของมันไปด้วย

ทั้งสองคนโต้แย้งกันและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง เจ้าลาได้ยินดังนี้  มันก็สะบัดเสบียงที่บรรทุกไว้เต็มหลังให้หลุดและวิ่งกระโจนหายเข้าไปในป่าปล่อย ให้ชายทั้งสองคน ได้แต่มองหน้ากันและไม่อาจวิ่งตามเจ้าลาได้ทัน
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การทะเลาะกันมีแต่จะทำให้เกิดการสูญเสีย การรู้จักช่วยเหลือ แบ่งกันแม้สิ่งนั้นมีเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถทำให้เกิดความสุขได้”

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินอย่างซุ่มซ่ามและพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่ดูแล้วลึกมาก มันพยายามที่จะตะเกียดตะกายตัวเองเพื่อที่จะเอื้อมให้ถึงและดันตัวมันเองออกมาให้ได้

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

ณ ป่าเขาที่มีลำธารใสสะอาดไหลผ่าน ลำธารแห่งนี้นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญของผืนป่าแล้วนั้น ยังเป็นผืนน้ำที่ให้บรรดาสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายได้มาดื่มกิน

ณ กระท่อมเล็กๆท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่งได้มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ครอบครัวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4 คนประกอบไปด้วย พ่อ ลูกชายคนโต ลูกชายคนกลาง และ ลูกชายคนเล็ก วันหนึ่งพ่อของพวกเขาได้ล้มป่วยลงอย่างกระทันหันและด้วยความชราของผู้เป็นบิดานั้นทำให้เขารับรู้ได้ด้วยตัวเองว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้อีกไม่นานเขาเลยตัดสินใจที่จะเรียกลูกชายทั้งสามของเขามาอยู่รอบๆตัวของเขาเพื่อที่จะพูดสั่งเสียก่อนที่เขาจะจากไปหลังจากที่ลูกชายทั้งสามของเขามาครบแล้วผู้เป็นพ่อก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยกับลูกชายทั้งสามของเขาว่า