ค้างคาวกับอสูรกาย

ค้างคาวกับอสูรกาย

กลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า

แนะนำตัวละคร
นานมาแล้ว ได้มีกลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าอันดุร้ายทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า 
ค้างคาว
ค้างคาว

หากการต่อสู้ครั้งต่อไปมาถึงแล้วละก็ข้าจะเข้าร่วมการสู้รบกับฝ่ายที่ข้าคิดว่าแข็งแกร่งมากที่สุดก็แล้วกัน!!

หลังจากที่เจ้าค้างคาวคิดเช่นนั้นได้มันก็ตั้งตารอการสู้รบครั้งต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเพื่อที่มันจะได้เลือกอยู่กับฝ่ายที่แข็งแกร่งที่สุด เวลาผ่านไปเพียงไม่นานนักการต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งเจ้าค้างคาวจึงได้เลือกฝั่งอสูรกายเพราะมันคิดว่าอสูรกายที่ตัวใหญ่กำยำจะต้องพาชัยชนะมาสู่พวกของมันได้
 เจ้าค้างคาวคิดได้เช่นนั้นจึงได้ออกเดินทางเพื่อที่จะไปขอเข้าร่วมสู้รบกับกลุ่มอสูรกายโดยทันที พอถึงที่หมายเจ้าค้างคาวไม่รีรอที่จะเอ่ยถามกลุ่มอสูรกายนั้นทันทีว่า
ค้างคาว
ค้างคาว

ข้าได้มองเห็นความแข็งแกร่งและความหน้าเกรงขามของพวกเจ้า ข้าจึงได้มั่นใจว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้อย่างแน่นอน


ค้างคาว
ค้างคาว

ข้าจึงอยากจะขอเข้าร่วมการสู้รบในครั้งนี้กับพวกเจ้าจะได้หรือไม่

อสูรกายได้ยินดังนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นทันทีว่า
อสูรกาย
อสูรกาย

ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นก็ข้าจะให้เจ้าเข้าร่วมสู้รบกับพวกข้าก็ย่อมได้!!

การสู้รบได้เริ่มขึ้นและผลก็เป็นไปตามที่เจ้าค้างคาวได้คาดการณ์ล่วงหน้าไว้ กลุ่มอสูรกายได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้ มันรู้สึกภูมิใจกับการตัดสินใจของมันเป็นอย่างมาก เวลาผ่านไปการสู้รบครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง 
ครั้งนี้เจ้าค้างคาวได้มองเห็นความว่องไวและพลทหารที่มีจำมากขึ้นของกลุ่มนกใหญ่ เจ้าค้างคาวคิดได้เช่นนั้นจึงได้ออกเดินทางเพื่อที่จะไปขอเข้าร่วมสู้รบกับกลุ่มนกใหญ่โดยทันทีพอถึงที่หมายเจ้าค้างคาวไม่รีรอที่จะเอ่ยถามกลุ่มนกใหญ่นั้นทันทีว่า
ค้างคาว
ค้างคาว

ข้าได้มองเห็นความแข็งแกร่งและความหน้าเกรงขามของพวกเจ้า ข้าจึงได้มั่นใจว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้อย่างแน่นอน ข้าจึงอยากจะขอเข้าร่วมการสู้รบในครั้งนี้กับพวกเจ้าจะได้หรือไม่

นกใหญ่ได้ยินดังนั้นจึงได้เอ่ยขึ้นทันทีว่า
นก
นก

ถ้าเจ้าคิดเช่นนั้นแล้วละก็ข้าจะให้เจ้าเข้าร่วมสู้รบกับพวกข้าก็ย่อมได้!!

การสู้รบได้เริ่มขึ้นและผลก็เป็นไปตามที่เจ้าค้างคาวได้คาดการณ์ไว้อีกครั้งกลุ่มนกใหญ่ได้รับชัยชนะในการสู้รบครั้งนี้ 
การสู้รบได้ดำเนินมาเรื่อยๆโดยที่เจ้าค้างคาวเองก็ได้เปลี่ยนฝ่ายไปเรื่อยๆอย่างที่มันเคยทำจนถึงคราวที่การสู้รบที่ดำเดินมานับ 100 ปี ได้ยุติลง
ทั้งสองฝ่ายจึงได้เริ่มมองเห็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าค้างคาวตัวนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงถึงความทรยศและความไม่สื่อสัตย์ของเจ้าค้างคาว ทั้งสองฝ่ายจึงได้ขับไล่เจ้าค้างคาวทรยศให้มันออกมาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว 
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้เจ้าค้างคาวได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดในตอนกลางวันพอยามค่ำคืนมาถึงมันก็ออกมาบินหารอาหารตัวคนเดียวเพียงลำพังอย่างเดียวดาย….
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ผู้ที่เข้าข้างทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกันเพื่อหวังผลประโยชน์ไห้แก่ตัวเองผลสุดท้ายย่อมลงเอยด้วยการอยู่เพียงลำพังตัวคนเดียวเสมอเช่นเดียวกับเจ้าค้างคาวที่ทรยศพักพวกเพื่อผลประโยชย์ของตนเองเพียงอย่างเดียว”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

ครั้งหนึ่ง บรรดาหนูในบ้านหลังหนึ่งต่างมาประชุมกัน เพื่อคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากเจ้าแมวตัวร้ายที่ชอบไล่จับหนูกินทุกวัน หนูหลายตัวเสนอวิธีต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนเข้าที หนูหนุ่มตัวหนึ่งเสนอว่า

มีราชสีห์ ตัวหนึ่ง ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ มันอาศัยอยู่ในถ้ำใหญ่ในป่าลึก นิสัยส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งของเจ้าราชสีห์ตัวนี้คือมันมักจะขี้เกียจออกล่าเหยื่อหาอาหาร มันจึงวางแผนแกล้งป่วยแล้วนอนซมอยู่ในถ้ำแล้วขอให้สัตว์ต่าง ๆมาเยี่ยมมันเพื่อที่จะได้จับสัตว์เหล่านั้นกินเป็นอาหารอย่างง่ายดาย

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

หนูเเก่ตัวหนึ่งเดินทางเเรมรอนมาเป็นเวลานานเพื่อที่จะหาอาหารกลับไปยังรังของมันที่อยู่ในเขตชนบท แต่มันกลับต้องหยุดการเดินทางลงเพราะมีลำธารขนาดใหญ่ตัดเส้นทางของมัน

มีสุนัขจอมตะกละ มันชอบกินไข่เป็นอย่างมากมันได้แวะเวียนไปที่เล้าไก่หลายครั้งเวลาที่มันหิวเพื่อที่จะได้ขโมยไข่ของแม่ไก่มากิน วันหนึ่งมันได้กินหอยนางรมทำให้มันเกือบท้องแตกตายเพราะคิดว่ามันจะอร่อยเหมือนไข่ไก่ที่เคยกิน

ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสวยงาม เด็กชายคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแกะฝูงใหญ่ เขานั่งแบบนี้อยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง เขาได้นั่งเฝ้ามองแกะที่อยู่กลางทุ่งทุกวัน ๆ เด็กเลี้ยงแกะไม่มีอะไรทำ เกิดความเบื่อหน่าย จึงคิดจะเล่นอะไรบางอย่างและคิดที่จะแกล้งชาวบ้าน พอคิดอย่างนั้น เขาจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมตะโกนออกไปดังลั่นว่า