ชายตาบอดกับลูกสัตว์

ชายตาบอดกับลูกสัตว์

ชายชราผู้มีความสามารถในการแยกแยะสิ่งมีชีวิตรวมถึงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆเพียงแค่ใช้มือสัมผัสเท่านั้นเขาก็บอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตข้างหน้าเขาคือตัวอะไร

แนะนำตัวละคร

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีชายชราผู้พิการตาบอดมาตั้งแต่กำเนิดอาศัยอยู่ ชายชราผู้นั้นมีความสามารถในการแยกแยะสิ่งมีชีวิตรวมถึงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆเพียงแค่ใช้มือสัมผัสเท่านั้นเขาก็บอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตข้างหน้าเขาคือตัวอะไร
ความสามารถของชายชราผู้นี้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่และหมู่บ้านใกล้ๆกัน
อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านได้นึกสงสัยถึงความสามารถของชายตาบอดนั้นจึงได้จับกลุ่มคุยกันขึ้น

ชาวบ้าน1
ชาวบ้าน1

ฉันละสงสัยจริงๆว่าคำเลื่องลือที่พูดถึงชายตาบอด ว่าสามารถบอกได้หมดว่าสัตว์ที่อยู่ตรงหน้าเขาคือตัวอะไรเพียงแค่ใช้มือสัมผัสมันจริงหรือเปล่านะ

ชาวบ้าน2
ชาวบ้าน2

ฉันเองก็เคยได้ยินเขาพูดมาแบบนั้นเหมือนกัน

ชาวบ้าน2
ชาวบ้าน2

ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาเลยดีไหม

ชาวบ้าน1
ชาวบ้าน1

ดีๆ ไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของตัวเองดีกว่า


สิ้นสุดบทสนทนาชาวบ้านก็ได้พากันเดินทางไปที่บ้านชายชราตาบอดทันที 
พอชาวบ้านเดินทางมาถึงหน้าบ้านของชายชราพวกเขา ก็ไม่รีรอรีบเคาะประตูเรียกชายชราตาบอดทันที
ชาวบ้าน1
ชาวบ้าน1

คุณตาอยู่ไหมครับ คุณตาอยู่ไหมครับ ส่งเสียงด้วย

ทันใดนั้นได้มีเสียงตอบรับมาจากข้างในบ้านดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก
ชายตาบอด
ชายตาบอด

ฉันอยู่นี่แหละพวกท่านมีธุระอะไรกับฉันอย่างงั้นรึ

ชาวบ้าน1
ชาวบ้าน1

พวกเราได้ยินมาว่าคุณตาสามารถบอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวอะไรได้เพียงแค่ใช้มือสัมผัสนั้นจริงไหมครับ

ชาวบ้าน2
ชาวบ้าน2

ใช่ครับๆพวกเราก็เลยเดินทางมาหาคุณตาที่นี่เพื่อที่จะมาพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง

ชายชราหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
ชายตาบอด
ชายตาบอด

ได้สิถ้าเช่นนั้นฉันจะพิสูจน์ให้พวกเธอได้เห็นกับตาเลยก็ได้

หลังจากพูดคุยกันเสร็จชาวบ้านทั้งสองก็ได้นำสัตว์มาให้ชายชราสัมผัสแล้วให้บอกให้ได้ว่ามันคือตัวอะไรหลังจากที่ชายชราได้ใช้มือสัมผัสเขาก็ตอบได้ทันทีว่า
ชายตาบอด
ชายตาบอด

ฉันไม่มั่นใจว่าสัตว์ที่เจ้านำมาให้ข้าพิสูจนั้นคือลูกของสุนัขจิ้งจอกหรือลูกของหมาป่า แต่สิ่งที่ข้ามั่นใจได้แน่ๆคือสัตว์ชนิดนี้มันไม่สามารถอยู่คอกเดียวกันกับแกะได้อย่างแน่นอน

ชาวบ้านทั้งหมดต่างก็รู้สึกอึ้งในคำตอบ แต่ก็เข้าใจสิ่งที่ชายตาบอดสื่อสารมาได้
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“อย่าหลงเชื่อสิ่งใดเพียงคำเล่าลือ จงพิสูจน์ให้เห็นความจริงด้วยตัวของตนเอง”

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า

ลาตัวหนึ่งถูกขี่โดยเจ้าของไปตามทาง ทันใดนั้นลาเริ่มเดินออกนอกเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ขอบของหน้าผาลึก ในขณะที่ลากำลังจะตกนั้น เจ้าของจับที่หางของมันเพื่อดึงมันกลับมา

แมวตัวหนึ่งเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองเพื่อหาอาหารกิน ตัวมันเริ่มผอมกะหร่องเพราะไม่มีอาหารกินมาหลายวันแล้ว จนกระทั่งมันไปพบกับแม่ไก่ตัวหนึ่งที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้เป็นแม่พันธุ์ เจ้าแมวจึงมองไก่ตัวนั้นด้วยความหิวกระหาย

มีเจ้ามดตัวน้อยตัวหนึ่งมันได้เดินพลัดหลงกับกลุ่มเพื่อนๆมาไกลมาก จนกระทั่งมันได้มาหยุดที่ลำธารกลางป่าแห่งหนึ่งแต่กลับตกลงไปในลำธารน้ำไหลเชี่ยว ก้มลงหวังจะกินให้หายกระหาย แต่ด้วยความที่น้ำมันไหลเชี่ยวแรงมาก ทำให้เจ้ามดน้อยตกลงไปในน้ำและโดนกระแสน้ำพัดพาไปไกลจากที่เดิม

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

ราชสีห์ชราตัวหนึ่ง เมื่อครั้งที่ยังหนุ่ม มันเคยเป็นที่ยำเกรงของสัตว์ทุกตัวในป่า แต่มาวันนี้ เมื่อแก่ตัวไร้เรี่ยวแรง มันได้แต่นอนอยู่ในถ้ำรอความตายไปวัน ๆ

ณ แปลงข้าวโพดอันกว้างใหญ่ ที่ชาวไร่ได้ทำการปลูกเอาไว้เพื่อทำมาหากิน ซึ่งทุก ๆ วันที่ชาวไร่เดินทางมายังแปลงข้าวโพดเพื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตก็มักจะพบว่าข้าวโพดที่ตนได้ปลูกเอาไว้นั้นเสียหายเป็นอย่างมาก สาเหตุเป็นเพราะนกยางชอบมาจิกกินข้าวโพดนั่นเอง

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ