มดกับดักแด้

มดกับดักแด้

มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งอย่างคล่องแคล่วอยู่ท่ามกลางแสงแดดเพื่อหาอาหาร มันเจอกับดักแด้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ ดักแด้ขยับหางของมัน ซึ่งดึงดูดความสนใจของมดที่เพิ่งเห็นว่าดักแด้ยังมีชีวิตอยู่

แนะนำตัวละคร
เช้าวันหนึ่งของฤดูฝนท่ามกลางอากาศที่สดใส  มีมดตัวหนึ่ง มันกำลังวิ่งเล่นด้วยความสนุกสนาน พร้อมกับการดมหาอาหารไปด้วย สักพักเจ้ามดก็เดินไปพบกับรังของตัวดักแด้ตัวหนึ่ง   มันกำลังนอนอยู่ในฝัก  มดสังเกตเห็นว่า ภายในฝักนั้น มีการขยับอยู่เป็นระยะ ๆ มันจึงเข้าไปส่องดูแล้วพูดว่า
มด
มด

นี่คืออะไรกันนะ ข้าพึ่งเคยพบเคยเห็น

อ่อ  มีดักแด้อยู่ข้างในฝักนี้เอง มดรำพึงกับตัวเอง พร้อมกับพูดด้วยเสียงอันดังว่า
มด
มด

เจ้าช่างเป็นสัตว์ที่น่าสงสารเสียจริง เดินไปไหนก็ไม่ได้ ได้แต่ตะเกียดตะกายอยู่แต่ในฝัก

มด
มด

ไม่เหมือนข้าที่วิ่งเล่นไปมาอย่างสนุกสนานอยากไปไหนก็ได้ไป มีชีวิตที่เป็นอิสระ

มดทั้งพูดไปและหัวเราะไป
มด
มด

ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะไปวิ่งเล่นที่ต้นไม้สูงๆคงทำไม่ได้แน่นอน นอนอยู่ในฝักต่อไปเถอนะเจ้าดักแด้เอ๋ย

ดักแด้ได้ยินคำที่มดพูดทั้งหมด  แต่มันก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร 

วันต่อมา เจ้ามดได้เดินเล่นและมาถึงยังรังดักแด้ที่เดิมที่มันเคยพบเมื่อครั้งก่อนและแล้วมันก็พบกับความว่างเปล่า ทันได้นั้น มีลมพัดมายกใหญ่ เกือบทำให้มันต้องปลิวไป โชคดีที่ยังเกาะใบไม้ไว้ได้  มันชำเรืองไปด้านหลัง พบว่าด้านหลังหลังของตัวเองนั้นเป็นผีเสื้อแสนสวยอยู่ตัวหนึ่ง
มด
มด

โอว ปีกของเจ้าดูสวยงามยิ่งนัก

 ผีเสื้อตัวนั้นจึงพูดขึ้นว่า
ผีเสื้อ
ผีเสื้อ

จำข้าได้ไหมหล่ะเจ้ามดน้อย ข้าคือดักแด้ที่เจ้าหัวเราะเยาะเมื่อวันก่อน

ผีเสื้อ
ผีเสื้อ

ดูสิ ข้าสามารถบินไปไหนต่อไหนได้ไกลและสามารถบินไปบนต้นไม้ได้ด้วยนะ

ผีเสื้อ
ผีเสื้อ

ไม่เหมือนเจ้า ที่มัวแต่ไต่ คลานไปทีละน้อยกว่าจะถึงจุดหมาย

พูดจบผีเสื้อก็ขยับปีกของมันอย่างแรงเพื่อบินไปยังที่อื่น  แรงจากกระขยับปีกของเจ้าผีเสื้อนั้น ทำให้เจ้ามด ถึงกับล้มไถลไป  
ไม่น่าเชื่อเลยว่า เจ้าผีเสื้อนั้น คือดักแด้ตัวน้อยที่ขยับตัวไมได้ในฝักตัวนั้น  เจ้ามดรำพึงกับตัวเอง
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“อย่าดูถูกสิ่งที่เห็นด้วยตาเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะนั่นอาจจะไม่เป็นจริงอย่างที่เราคิดไว้เป็นแน่”


ณ บ้านชาวนาแห่งหนึ่ง ได้มีเจ้าแมวและครอบครัวขอหนูอาศัยอยู่ในบ้านชาวนาหลังเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เจ้าแมวถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายแต่พวกหนูต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวเขี้ยวอันคมและกรงเล็บอันแหลมของเจ้าแมวที่ชาวนาเลี้ยงไว้มาตลอดเวลา

วันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนจะแห้งแล้งและก็อบอ้าว สิงโตและแพะต่างก็เดินหาแหล่งน้ำเพื่อที่พวกมันจะดื่มและดับกระหาย จนพวกมันเดินมาพบกับหนองน้ำแห่งหนึ่งแต่หนองน้ำแห่งนี้ไม่มีน้ำอยู่เลย มันช่างดูแห้งขอดเหลือเกิน สิงโตและแพะต่างทะเลาะกันถกเถียงกันเพื่อที่จะแย่งกันกินน้ำจนทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีไก่และลาเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทั้งคู่มักจะออกมาหากินที่ป่าด้วยกันอยู่เป็นประจำจนไม่คิดว่าจะมีอันตรายใด ๆที่จะทำให้พวกมันหวาดกลัวได้ วันหนึ่งในวันหนึ่งขณะที่ไก่และลากำลังออกหาอาหารอยู่ด้วยกันอย่างเพลิดเพลินนั้นได้มีราชสีห์ตัวหนึ่งซึ่งมันก็ก็จ้องที่จะมาล่าไก่และลาเป็นอาหารมานานแล้ว มันจึงได้คิดอุบายขึ้น โดยได้ตะโกนร้องออกมาดัง ๆว่า

ชายชราผู้หนึ่งมีฐานะยากจน สมบัติทั้งหมดที่เขามีก็คือบ้านเก่า ๆ หลังหนึ่งกับแม่ห่านอีกตัวหนึ่งเท่านั้น แม่ห่านจะออกไข่วันละฟองเพื่อให้เขานำไปขายที่ตลาดทุกวัน

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ บึงน้ำท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้มีวัวตัวหนึ่งลงมากินหญ้าและน้ำที่ริมบึงเพื่อดับกระหาย แต่ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่และความไม่ระวังของเจ้าวัวนั้นในขณะที่มันกำลังจะลงไปกินน้ำที่บึง ทำให้มันเผลอเหยียบลูกกบตัวหนึ่งจนลงไปในโคลน

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย