แมลงวันกับโถน้ำผึ้ง

แมลงวันกับโถน้ำผึ้ง

แมลงวันฝูงใหญ่โผบินผ่านตึกรามบ้านช่องเพื่อที่จะหาอาหารประทังชีวิต บางฝูงเลือกที่จะตอมอาหารจานโปรด บางฝูงเลือกที่จะมองหาเศษอาหารข้างถนน แต่มีแมลงวันฝูงหนึ่งที่บินผ่านบ้านหลังเล็ก พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร แมลงวันตัวที่หนึ่งจึงเรียกเพื่อน ๆ ของมันทันที

แนะนำตัวละคร
แมลงวันฝูงใหญ่โผบินผ่านตึกรามบ้านช่องเพื่อที่จะหาอาหารประทังชีวิต บางฝูงเลือกที่จะตอมอาหารจานโปรด บางฝูงเลือกที่จะมองหาเศษอาหารข้างถนน แต่มีแมลงวันฝูงหนึ่งที่บินผ่านบ้านหลังเล็ก พวกมันสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร แมลงวันตัวที่หนึ่งจึงเรียกเพื่อน ๆ ของมันทันที
แมลงวัน 1
แมลงวัน 1

ดูนั่นสิ เหมือนฉันจะพบกับของดีเข้าให้แล้ว

แมลงวันทั้งหลายจึงรีบหันไปดู จึงได้พบว่าบนโต๊ะอาหารมีโถน้ำผึ้งหกตะแคงอยู่ น้ำผึ้งหอมหวานไหลนองเต็มพื้น ส่งกลิ่นหอมหวานจนฝูงแมลงวันต่างก็ดีใจ
แมลงวัน 2
แมลงวัน 2

ว้าว น้ำผึ้งกลิ่นหอมมากเลย

แมลงวัน 1
แมลงวัน 1

อาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าเราแล้ว จะมัวรอช้าอยู่ทำไมกันล่ะ เข้าไปกินน้ำผึ้งกันเถอะ!

แมลงวัน 3
แมลงวัน 3

ไปกันเถอะพวกเรา

ฝูงแมลงวันทั้งหลายจึงพากันตอมกินน้ำผึ้งอย่างเพลิดเพลิน เวลาผ่านไปนานจนพวกมันอิ่มท้องแต่ก็ไม่มีแมลงวันตัวไหนบินจากไป มันยังคงตอมน้ำผึ้งอันหอมหวานอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง...
แมลงวัน 1
แมลงวัน 1

ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

แมลงวัน 3
แมลงวัน 3

มีอะไรงั้นหรือ

แมลงวัน 1
แมลงวัน 1

พวกนายไม่รู้สึกหรือ ว่าน้ำผึ้งมันเหนียวเหนอะหนะจนฉันขยับขาไม่ได้แล้ว

เมื่อแมลงวันตัวอื่น ๆ ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พยายามที่จะขยับขาด้วยความตกใจ แต่กลับไม่ได้มีเพียงแค่ขาเท่านั้นที่ติดกับน้ำผึ้งข้นเหนียวนี้ แม้แต่ปีกของพวกมันก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เช่นกัน แมลงวันตัวหนึ่งจึงพูดขึ้นว่า
แมลงวัน 1
แมลงวัน 1

ถ้าพวกเราไม่มัวตะกละตะกลามกินน้ำผึ้ง  ก็คงไม่พบจุดจบอย่างนี้หรอก

ในที่สุด ฝูงแมลงวันก็พบจุดจบที่น้ำผึ้งนั้นอย่างน่าเศร้า
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ผู้หลงกับความสุขชั่วครู่อาจพบความทุกข์ในภายหลัง”

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

กาตัวหนึ่งไม่ชอบใจขนสีดำของตัวเอง เพราะมันมักจะถูกล้อว่าเป็นกาดำ น่าอัปลักษณ์ มันจึงอยากจะมีขนที่งดงามเช่นเดียวกับนกยูงที่ถูกคนอื่นชื่นชมอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่นกยูงรำแพนขน ช่างเป็นอะไรที่งดงามเสียจริง

ณ หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ทุก ๆ วันชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจะตื่นขึ้นมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงจะทำงานบ้าน และคอยหาอาหารเพื่อรอสามีกลับมาจากทำงาน กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้นำผ้าที่ซักเอาไว้ออกมาตากที่ราวตากผ้า

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ

ปูทะเลตัวหนึ่งเบื่ออาหารใต้ท้องทะเล จึงเดินขึ้นมาหากินบนชายหาด หมาจิ้งจอกหิวโซตัวหนึ่งเดินเลาะเลียบหาดหาเหยื่อมาหลายวัน เมื่อเห็นปูทะเลตัวใหญ่ก็ดีใจตรงเข้าตะปบจับไว้ทันที

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

ณ หมู่บ้าน ริมชายป่าแห่งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งของชาวนา บ้านหลังนี้มักจะมีหนูอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเจ้าของบ้านจึงได้นำแมวมาเลี้ยงไว้หลายตัวเ จ้าแมวเหล่านั้นได้วิ่งไล่จับหนูกินทุกวันจนจำนวนหนูในบ้านลดลงไปมากอยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูทั้งหลายจึงได้ปรึกษากันว่า