นกกระทากับไก่ชน

นกกระทากับไก่ชน

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง

แนะนำตัวละคร
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง
เจ้าของ
เจ้าของ

นกกระทาตัวน้อยของข้า เจ้าจงอยู่กรงกับพวกไก่ชนเหล่านี้นะยังไง พวกเจ้าก็น่าจะอยู่ด้วยกันได้

เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อฝูงไก่ชนที่อยู่ในเล้านั้นมันได้พยายามรุมจิกตีนกกระทาเพื่อไม่ให้นกกระทาตัวนั้นเข้ามาแย่งกินข้าวเปลือกและอาหารของพวกมัน นกกระทาผู้น่าสงสารมันทั้งเจ็บและต้องทนกับความหิวโหย
นกกระทา
นกกระทา

ข้าเจ็บปวดเหลือเกินทำไมพวกไก่ชนเหล่านี้ถึงได้จิกทำร้ายข้าขนาดนี้นะ ไม่อยากอยู่ร่วมกับมันแล้วจริงๆ

นกกระทา
นกกระทา

คงเป็นเพราะว่าเราไม่ใช่พวกเดียวกันใช่ไหมนะ พวกเจ้าไก่ชนทั้งหลายพวกนั้น ถึงได้รุมจิก ทำร้ายข้าถึงขนาดนี้

หลายวันต่อมาเจ้านกกระทาก็ได้แอบเห็นว่าไก่ชนที่อยู่ในเล้าเดียวกัน เกิดทะเลาะกัน รุมจิก ตีกัน แย่งอาหารกัน และเป็นแบบนี้ แทบทุกวันเลยทีเดียว
นกกระทา
นกกระทา

ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมข้าถึงโดนไก่ชนพวกนี้จิกตีจนบาดเจ็บเพราะขนาดว่าพวกมันเป็นพวกเดียวกัน มันก็ยังจิกและทำร้ายกันขนาดนี้

นกกระทา
นกกระทา

แล้วตัวข้าไม่ใช่พวกเดียวกัน มันก็ยิ่งรุมทำร้าย สักวัน ข้าจะต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ ไปอยู่ที่ ๆเหมาะสมกับข้า

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“คนพาลมักจะหากันอยู่เป็นประจำ ไม่อาจละเว้นแม้คนนั้นจะเป็นพวกเดียวกันกับตนหรือไม่”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีกบฝูงใหญ่พวกมันอาศัยอยู่ในบึงน้ำกว้างอย่างมีความสุข ต่อมาในเช้าวันหนึ่งพวกกบเหล่านี้จึงปรึกษากันว่าพวกเราอยู่แบบนี้ด้วยกันมานานแล้วอยากจะหาเจ้านายหรือใครก็ได้เขาจะได้เป็นผู้นำและดูแลทุกข์สุข ช่วยปกครองดูแลพวก มันจึงได้รวมตัวกันและทำการร้องขอต่อเทวดาว่า

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย ราชสีห์ตัวใหญ่ มองดูแล้วช่างสมกับเป็นเจ้าแห่งป่า น่าเกรงขามยิ่งนัก มันกำลังนอนหลับนิ่งเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหนูตัวน้อย ได้ออกมาวิ่งเล่นหาอาหารกินในบริเวณ

ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวที่แสนจะหนาวเย็น ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านมีชายชาวนาคนหนึ่ง เขาจะมาที่ทุ่งนาอยู่เป็นประจำ แต่ในวันนี้มันช่างแปลกกว่าทุกวันที่ว่าเขาได้เดินมาพบกับงูตัวหนึ่ง งูตัวนั้นนอนขดและตัวแข็งทื่อเหมือนมันใกล้จะตายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บนั่นเอง

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ

ใจกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีเม่นน่าสงสารตัวหนึ่งเดินเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัย สภาพของมันทั้งหิวโซ และอิดโรยจากการเดินทางเร่ร่อนมานาน จนมาพบพวกงูใจดีตัวหนึ่งกำลังขดอยู่ที่พื้น

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ป่าใหญ่ที่มีสัตว์ป่ามากมายอาศัยอยู่ มีหมีตัวหนึ่งเดินหาอาหารกิน ซึ่งหมีชื่นชอบผลไม้เป็นชีวิตจิตใจ หากได้พบกับต้นเบอร์รี่ มันจะกินจนเกลี้ยงไม่ให้เหลือ แต่วันนี้เบอร์รี่ที่มันชื่นชอบหมดเสียแล้ว มันจึงต้องเดินหาอาหารต่อไปจนได้มาพบกับรังผึ้งรวงใหญ่