ปลาน้อยกับคนตกปลา

ปลาน้อยกับคนตกปลา

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ

แนะนำตัวละคร
ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ 
วันหนึ่ง ชายวัยกลางคนเดินทางออกหาปลาตั้งแต่เช้า เขามีเบ็ดคู่ใจที่ไม่ว่าจะวันใดก็มีอาหารกลับไปให้ภรรยาและลูกของเขาอยู่เสมอ ทว่าวันนี้มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ใจหวัง
คนตกปลา
คนตกปลา

ทำไมวันนี้ข้าตกปลาไม่ได้เลยสักตัวเดียว

เขานั่งตกปลามาเกือบทั้งวัน แต่ยังไม่ได้ปลาเลยสักตัวเดียว เขาจึงเลิกล้มความตั้งใจและคิดจะกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง ทันใดนั้นเบ็ดของเขาก็เกิดกระตุกอย่างแรงเพราะมีปลาตัวหนึ่งติดเบ็ด แต่ช่างน่าเสียดายที่มันเป็นปลาตัวเล็กนิดเดียว
คนตกปลา
คนตกปลา

โธ่เอ๊ย...ตัวเล็กแค่นี้เองหรือ

คนตกปลา
คนตกปลา

แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยข้าก็ได้ปลากลับไปฝากครอบครัวของข้าแล้ว

เจ้าปลาน้อยได้ยินเช่นนั้นจึงอ้อนวอนขอชีวิต
ปลา
ปลา

ปล่อยข้าไปเถอะนะ ท่านก็เห็นว่าข้าตัวเล็กนิดเดียว ท่านคงกินข้าไม่อิ่มหรอก

ปลา
ปลา

เพราะท่านจะต้องไปแบ่งกับครอบครัวอีกใช่หรือไม่

ปลา
ปลา

แต่ถ้าท่านปล่อยข้าไปวันนี้ อีกไม่นานข้าก็จะเติบโตเป็นปลาตัวใหญ่ เนื้อแน่น ให้ท่านได้จับกินในวันข้างหน้า

คนตกปลาจึงส่ายหน้าแล้วพูดตอบกลับไปว่า
คนตกปลา
คนตกปลา

ที่เจ้าพูดมามันก็ถูก แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าเจ้าจะหลงมาติดเบ็ดของข้าอย่างวันนี้หรือเปล่าน่ะสิ

คนตกปลาพูดจบก็ปลดเจ้าปลาน้อยใส่กระป๋องแล้วเดินกลับบ้านไป
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“จงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ดีกว่ามุ่งหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง”

มีลาตัวหนึ่งที่กำลังทำงานอยู่ งานของมันคือการขนสัมภาระไปให้เจ้าของของมัน ยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ถัดออกไป สัมภาระนั้นดูมากจนเต็มหลังไปหมด มันเดินมาสักระยะหนึ่ง จนถึงธารน้ำ และตั้งใจที่จะเดินข้ามไปยังอีกฝั่ง เพราะเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ คือหมู่บ้านซึ่งอยู่อีกฝั่งของธารน้ำ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชสีห์และหมีเป็นเพื่อนกัน พวกมันออกหากินที่ป่าใหญ่อยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพวกมันได้ช่วยกันหาอาหารซึ่งเหยื่อของมันก็คือซากของแพะตัวหนึ่งพวกมันได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อที่จะแบ่งอาหารซึ่งก็คือเนื้อแพะตัวนั้น

มีชายนักเดินทางอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นคนที่ชอบพูดแต่ความจริง ส่วนอีกคนหนึ่งชอบพูดแต่คำโกหก พวกเขาเดินทางร่วมกันมาจนมาถึงดินแดนราชาลิงโดยบังเอิญ ที่เมืองของราชาลิงมีประเพณีอยู่ว่า หากมีคนมาเยือนที่เมืองแห่งราชาลิงแล้ว จะต้องนำคนเหล่านั้นมาเข้าเฝ้าท่ามกลางฝูงลิงข้าราชบริพารที่นั่งเรียงเป็นแถวเหมือนกับพวกมนุษย์ที่เข้าเฝ้าราชาของมนุษย์นั่นเองราชาลิงสั่งให้นำตัวชายทั้งสองมาพบ

มีฝูงหมาป่าหิวโซอยู่ฝูงหนึ่งพวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วพวกมันจึงตัดสินใจเดินไปที่แม่น้ำเพื่อที่จะดื่มน้ำหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาความหิวของพวกมันได้บ้าง แต่แล้วพวกมันก็ได้พบเข้ากับหนังสัตว์อย่างดีจำนวนหนึ่งที่จมอยู่ใต้ก้นแม่น้ำซึ่งคนฟอกหนังได้นำมาแช่เอาไว้ หนังสัตว์พวกนี้นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับหมาป่าที่กำลังหิวโซแต่ทว่าแม่น้ำบริเวณนั้นลึกเกินไปที่พวกมันจะเอื้อมลงไปถึงหนังสัตว์ได้ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้หมาป่าตัวหนึ่งในฝูงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า

มีราชสีห์ ตัวหนึ่ง ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ มันอาศัยอยู่ในถ้ำใหญ่ในป่าลึก นิสัยส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งของเจ้าราชสีห์ตัวนี้คือมันมักจะขี้เกียจออกล่าเหยื่อหาอาหาร มันจึงวางแผนแกล้งป่วยแล้วนอนซมอยู่ในถ้ำแล้วขอให้สัตว์ต่าง ๆมาเยี่ยมมันเพื่อที่จะได้จับสัตว์เหล่านั้นกินเป็นอาหารอย่างง่ายดาย

ใจกลางป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีเม่นน่าสงสารตัวหนึ่งเดินเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัย สภาพของมันทั้งหิวโซ และอิดโรยจากการเดินทางเร่ร่อนมานาน จนมาพบพวกงูใจดีตัวหนึ่งกำลังขดอยู่ที่พื้น

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง