กากับหอยกาบ

กากับหอยกาบ

กาตัวหนึ่งบินร่อนหาอาหารแถบชายฝั่งทะเล สายตาของมันพยายามมองหาอาหารสำหรับวันนี้ มันเหลือบเห็นหอยกาบตัวใหญ่บนหาดทรายจึงโฉบลงมาหมายจะจิกกิน

แนะนำตัวละคร
บริเวณแถบชายฝั่งทะเลมีคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นระลอก ทุก ๆ ครั้งคลื่นจะหอบสัตว์น้ำเค็มตัวเล็ก ๆ เข้าฝั่งมาด้วย ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอย ปู และปลาขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นแหล่งอาหารอันโอชาของพวกนกนานาพันธุ์ที่จะมาจิกกินเป็นอาหารกันเป็นฝูง
กาตัวหนึ่งบินร่อนหาอาหารแถบชายฝั่งทะเล สายตาของมันพยายามมองหาอาหารสำหรับวันนี้ มันเหลือบเห็นหอยกาบตัวใหญ่บนหาดทรายจึงโฉบลงมาหมายจะจิกกิน 
กา
กา

หอยกาบตัวนั้นใหญ่มากเลย หากข้าได้มันมาเป็นอาหารล่ะก็ ข้าจะต้องอิ่มท้องไปหลายวัน

ทว่า...เมื่อเจ้ากาโฉบลงมาด้วยความเร็ว ฝาเปลือกหอยนั้นก็หุบปิดทันทีเพื่อความเอาตัวรอดจากสัตว์นักล่าอย่างเจ้ากาดำตัวนี้
กา
กา

หน็อยแน่! เจ้าคิดว่าจะรอดได้อย่างนั้นหรือ

เจ้ากาพยายามเปิดปากหอยกาบด้วยความทุลักทุเล เพราะมันปิดแน่นสนิทและแข็งแกร่งมาก จนกาเริ่มที่จะถอดใจ มันจึงได้แต่คาบไว้อย่างนั้น เพื่อคิดหาวิธีการอื่นที่จะทำให้มันได้กินหอยกาบตัวใหญ่นี้เป็นอาหาร
ทันใดนั้นก็มีกาอีกตัวหนึ่งบินผ่านมาพบจึงแนะนำว่า
กาเจ้าเล่ห์
กาเจ้าเล่ห์

เพื่อนเอ๋ย ทำไมเจ้าไม่บินขึ้นไปสูง ๆ แล้วปล่อยหอยกาบให้ตกลงมากระแทกโขดหินจนแตกล่ะ

กาเจ้าเล่ห์
กาเจ้าเล่ห์

แค่นี้ก็ได้กินเนื้อหอยง่าย ๆ แล้ว

กา
กา

ทำไมข้าถึงคิดวิธีนี้ไม่ออกนะ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากจริง ๆ

กา
กา

แม้เราจะไม่รู้จักกัน แต่เจ้าก็ยังอุตส่าห์ให้คำแนะนำข้า

กาเจ้าเล่ห์
กาเจ้าเล่ห์

เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกเพื่อนเอ๋ย รีบ ๆ บินขึ้นไปแล้วปล่อยหอยกาบนี้ลงเถอะ

เจ้าการีบทำตามคำแนะนำด้วยความตื่นเต้น เมื่อหอยกาบตกกระทบโขดหินเบื้องล่างเปลือกหอยก็แตกออกจนเผยให้เห็นเนื้อที่ดูน่ากิน แต่เจ้ากาเจ้าเล่ห์กลับสบโอกาสรีบโฉบมาขโมยจิกเนื้อหอยไปทันที
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“อย่าวางใจและหลงเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้า”

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

กาลครั้งหนึ่ง ณ บึงอันกว้างใหญ่ที่มีสิงสาราสัตว์นานาพันธุ์อาศัยอยู่ มีกบสองตัวเป็นเพื่อนรักกัน กบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบึงแห่งนี้ ไม่ว่าจะฤดูใดก็มีน้ำเต็มปรี่ตลอดปี และมีเพื่อนพ้องกบอีกหลายตัวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนกบอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักของมันอาศัยอยู่ในลำห้วยเล็ก ๆ ที่ชาวไร่มักจะใช้เส้นทางนี้ในการลากเกวียน

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเขามีอาชีพเป็นนายพรานเขาได้ออกล่าหาสัตว์เพื่อที่จะเป็นอาหารอยู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งชายผู้นี้ได้จับนกกระทาได้เขาจึงได้นำมันไปเลี้ยงไว้ในเล้าของไก่ชนของตนเอง

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งอย่างคล่องแคล่วอยู่ท่ามกลางแสงแดดเพื่อหาอาหาร มันเจอกับดักแด้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ ดักแด้ขยับหางของมัน ซึ่งดึงดูดความสนใจของมดที่เพิ่งเห็นว่าดักแด้ยังมีชีวิตอยู่

หนูเเก่ตัวหนึ่งเดินทางเเรมรอนมาเป็นเวลานานเพื่อที่จะหาอาหารกลับไปยังรังของมันที่อยู่ในเขตชนบท แต่มันกลับต้องหยุดการเดินทางลงเพราะมีลำธารขนาดใหญ่ตัดเส้นทางของมัน

เจ้าลาตัวน้อยสีน้ำตาลเดินโซเซตรงมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลน ในช่วงของฤดูแล้งที่ไม่มีสายฝนโปรยปรายลงมาจากฟ้า แม้แต่หญ้าสักต้นก็หาได้หายาก หลังจากที่เจ้าลาน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและแล้วมันก็พบกับคอกม้าซึ่งในนี้มีม้าสีขาวตัวใหญ่ยืนอยู่มันดูสูงสง่ามาก ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากจากสภาพของเจ้าลาในตอนนี้

มีราชสีห์ ตัวหนึ่ง ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ มันอาศัยอยู่ในถ้ำใหญ่ในป่าลึก นิสัยส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งของเจ้าราชสีห์ตัวนี้คือมันมักจะขี้เกียจออกล่าเหยื่อหาอาหาร มันจึงวางแผนแกล้งป่วยแล้วนอนซมอยู่ในถ้ำแล้วขอให้สัตว์ต่าง ๆมาเยี่ยมมันเพื่อที่จะได้จับสัตว์เหล่านั้นกินเป็นอาหารอย่างง่ายดาย