กากับเหยือกน้ำ

กากับเหยือกน้ำ

ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอเพียงแค่เราใช้สติในการตัดสินใจและมองหาทางออกอย่างใจเย็น เพียงแค่นี้เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้

แนะนำตัวละคร
มีกาตัวหนึ่งมันอ่อนล้าเป็นอย่างมากจนไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงที่จะบินเพราะด้วยความกระหายน้ำของมัน
กา
กา

ข้าเหนื่อยเหลือเกินข้ากระหายน้ำเป็นอย่างมากข้าหวังว่าข้าจะได้จิบน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ข้าได้ดับกระหาย

เจ้ากาที่กำลังอ่อนล้าได้พูดกับตนเอง
ทันใดนั้นมันก็ได้พบกับเหยือกน้ำใบหนึ่งที่วางอยู่มันจึงได้รีบเดินไปที่เหยือกใบนั้นด้วยความหวัง พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
กา
กา

ข้าช่างโชคดีอะไรเช่นนี้หากข้าไม่ได้พบเหยือกใบนี้ข้าคงได้กระหายน้ำตายเป็นแน่

หลังจากที่มันพูดเสร็จมันก็ได้เดินเข้าไปใกล้ๆเหยือกใบนั้นด้วยความหวัง แต่เมื่อมันเข้าไปดูที่เหยือกน้ำใบนั้นแล้วมันก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะน้ำที่อยู่ในเหยือกนั้นเหลืออยู่ที่ก้นเหยือกเพียงน้อยนิด จนมันไม่สามารถที่ก้มลงไปดื่มน้ำในเหยือกได้
มันจึงคิดหาวิถีทางและลองทำทุกอย่างเพื่อให้มันสามารถดื่มน้ำจากเหยือกใบนี้ให้ได้แต่ความพยามของมันนั้นกลับสูญเปล่า
เพราะไม่ว่ามันจะทำวิธีไหนมันก็ไม่สามารถที่จะดื่มน้ำจากเหยือกได้เลย  ด้วยความเหนื่อยล้าและความกระหายน้ำทำให้มันได้พูดตัดพ้อกับตัวเองออกมาว่า
กา
กา

ข้าจะทำอย่างไรดีข้าลองมาตั้งหลายวิธีแล้วแต่ข้ากลับไม่สามารถดื่มน้ำในเหยือกใบนี้ได้เลยท่าเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงได้กระหายน้ำตายเป็นแน่

ทันใดนั้นเจ้ากาผู้อ่อนล้าก็ได้มองไปเห็นก้อนกรวดก้อนเล็กๆที่กระจายอยู่เต็มพื้นมันจึงได้ตัดสินใจรวบรวมก้อนกรวดให้ได้มากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้และใช้จงอยปากของมันหย่อนก้อนหินลงไปทีละก้อนๆลงไปเรื่อยๆจนกระทั้งระดับน้ำในเหยือกนั้นสูงขึ้นๆจนทำให้มันสามารถดื่มน้ำจากเหยือกได้และทำให้มันรอดชีวิตไปได้ในที่สุด
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอเพียงแค่เราใช้สติในการตัดสินใจและมองหาทางออกอย่างใจเย็น เพียงแค่นี้เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้”

มีชายเจ้าของลาคนหนึ่งเขามีอาชีพขายยาสมุนไพร เขาเดินทางมาพร้อมลาของเขาซึ่งบนหลังของลานั้นมีถุงสมุนไพร พร้อมกันนั้นเขาได้มัดรูปปั้นรูปหนึ่งที่แกะสลักเป็นเทวรูปด้วยไม้หอมมีรูปร่างสวยงามซึ่งชายเจ้าของลาเชื่อว่า เทวรูปนี้ทำให้ตนค้าขายได้ดี

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง มีกบฝูงใหญ่พวกมันอาศัยอยู่ในบึงน้ำกว้างอย่างมีความสุข ต่อมาในเช้าวันหนึ่งพวกกบเหล่านี้จึงปรึกษากันว่าพวกเราอยู่แบบนี้ด้วยกันมานานแล้วอยากจะหาเจ้านายหรือใครก็ได้เขาจะได้เป็นผู้นำและดูแลทุกข์สุข ช่วยปกครองดูแลพวก มันจึงได้รวมตัวกันและทำการร้องขอต่อเทวดาว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีปูกับงูซึ่งพวกมันเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากปูมีนิสัยซื่อตรงไม่เคยทรยศใครหรือทรยศงูเพื่อนรักเลย แต่งูกลับมีนิสัยคดโกง เจ้างูมักจะทรยศหักหลังเจ้าปูทุกครั้งหากมันคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้น สามารถที่จะทำประโยชน์ให้แก่มันได้เพียงผู้เดียว ซึ่งการกระทำของมันนั้น มักทำให้เจ้าปูได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าปูจะพยายามตักเตือนให้งูเปลี่ยนนิสัยแต่เจ้างูก็ไม่เคยคิดที่จะกลับตัว

ลาตัวหนึ่งถูกขี่โดยเจ้าของไปตามทาง ทันใดนั้นลาเริ่มเดินออกนอกเส้นทางและมุ่งหน้าไปที่ขอบของหน้าผาลึก ในขณะที่ลากำลังจะตกนั้น เจ้าของจับที่หางของมันเพื่อดึงมันกลับมา

เจ้าลาตัวน้อยสีน้ำตาลเดินโซเซตรงมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลน ในช่วงของฤดูแล้งที่ไม่มีสายฝนโปรยปรายลงมาจากฟ้า แม้แต่หญ้าสักต้นก็หาได้หายาก หลังจากที่เจ้าลาน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและแล้วมันก็พบกับคอกม้าซึ่งในนี้มีม้าสีขาวตัวใหญ่ยืนอยู่มันดูสูงสง่ามาก ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากจากสภาพของเจ้าลาในตอนนี้

กาลครั้งหนึ่งในป่าที่หนาทึบแห่งหนึ่ง ได้มีนกฮูกและช้างซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากอาศัยอยู่ ทั้งสองได้แบ่งปันความทุกข์ความสุขให้แก่กันและกัน จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ

ณ บ้านชาวนาแห่งหนึ่ง ได้มีเจ้าแมวและครอบครัวขอหนูอาศัยอยู่ในบ้านชาวนาหลังเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เจ้าแมวถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายแต่พวกหนูต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวเขี้ยวอันคมและกรงเล็บอันแหลมของเจ้าแมวที่ชาวนาเลี้ยงไว้มาตลอดเวลา

ที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ แห่งหนึ่งได้มีเจ้าวัวกระทิงตัวใหญ่ มันกำลังวิ่งหนีสิงโตที่กำลังไล่ล่ามันอยู่ ระหว่างที่เจ้าวัวกระทิงกำลังวิ่งหนีสิงโตอยู่นั้นสายตามันก็ได้มองไปเห็นถ้ำหินเข้า มันจึงได้วิ่งเข้าไปหลบที่ถ้ำนั้นเพื่อที่จะซ่อนตัวจากสิงโต มันเดินเข้าไปภายในถ้ำนั้น จึงได้พบกับแกะตัวหนึ่งเข้า เจ้าแกะได้เข้ามาจับจองเป็นเจ้าของก่อนมันแล้ว