กบกับหนู

กบกับหนู

หนูเเก่ตัวหนึ่งเดินทางเเรมรอนมาเป็นเวลานานเพื่อที่จะหาอาหารกลับไปยังรังของมันที่อยู่ในเขตชนบท แต่มันกลับต้องหยุดการเดินทางลงเพราะมีลำธารขนาดใหญ่ตัดเส้นทางของมัน

แนะนำตัวละคร
หนูเเก่ตัวหนึ่งเดินทางเเรมรอนมาเป็นเวลานานเพื่อที่จะหาอาหารกลับไปยังรังของมันที่อยู่ในเขตชนบท แต่มันกลับต้องหยุดการเดินทางลงเพราะมีลำธารขนาดใหญ่ตัดเส้นทางของมัน มีเพียงหนทางเดียวที่มันจะสามารถเดินทางต่อไปได้ คือต้องข้ามลำธารนี้ไปเท่านั้น
แต่เพราะน้ำในลำธารไหลเชี่ยว หากจะว่ายน้ำข้ามไปตัวมันก็เล็กนิดเดียว คงจะถูกซัดไปกับน้ำเป็นแน่ มันจึงพยายามมองหาตัวช่วย จนได้พบกับกบตัวน้อยที่ริมลำธาร มันจึงขอร้องให้เจ้ากับช่วย
หนู
หนู

เจ้ากบเอ๋ย ข้าต้องการข้ามลำธารแห่งนี้ แต่เพราะข้าตัวเล็กอย่างที่ท่านเห็น หากจะว่ายน้ำข้ามไปคงไม่รอด

หนู
หนู

ได้โปรดช่วยพาข้าข้ามลำธารนี้ที

เจ้ากบน้อยได้มองเจ้าหนูเเล้วปฏิเสธอย่างสุภาพว่า
กบ
กบ

โธ่ ข้าน่ะตัวเล็กพอ ๆ กับท่าน เเล้วจะพาท่านข้ามไปได้อย่างไรกันล่ะ

เจ้าหนูได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ยอม กลับอ้างว่าตนเป็นสัตว์ผู้อาวุโสกว่า ถ้ากบไม่ช่วยตนก็จะไปป่าวประกาศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายรู้ถึง ความใจดำของกบ
หนู
หนู

เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้านั้นอาวุโสกว่าเจ้าหลายปี การที่เจ้าปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้อาวุโสอย่างข้าจะลงเอ่ยอย่างไรรู้ไหม

หนู
หนู

ข้าจะไปป่าวประกาศให้ทั่วป่าเลย ว่าเจ้านั้นมันใจดำ

หนู
หนู

ทั้ง ๆ ที่ข้าเดือดร้อนและขอร้องให้เจ้าช่วยดี ๆ แท้ ๆ

หนู
หนู

คิดเอาเองแล้วกัน ว่าจะยอมช่วยข้า หรือจะให้สัตว์ป่าทั้งหลายรังเกียจเจ้าเพราะความใจดำ

เมื่อถูกขู่เข็ญเช่นนั้น กบจึงต้องจำยอมให้หนูเอาเท้าผูกกับเท้าของตนเเล้วก็พาว่ายข้ามลำธาร เเต่ทว่าพอว่ายไปได้เเค่ครึ่งทางเท่านั้นกบก็เริ่มหมดเเรง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะจมน้ำก็มีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงมาจิกเอาทั้งกบและหนูไปกินในที่สุด
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“คิดประโยชน์จากผู้ที่ไม่สามารถให้ได้ ย่อมมีเเต่เสียหาย”

ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอเพียงแค่เราใช้สติในการตัดสินใจและมองหาทางออกอย่างใจเย็น เพียงแค่นี้เราก็จะสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้

เจ้าลาตัวน้อยสีน้ำตาลเดินโซเซตรงมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมซึ่งเต็มไปด้วยดินโคลน ในช่วงของฤดูแล้งที่ไม่มีสายฝนโปรยปรายลงมาจากฟ้า แม้แต่หญ้าสักต้นก็หาได้หายาก หลังจากที่เจ้าลาน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันและแล้วมันก็พบกับคอกม้าซึ่งในนี้มีม้าสีขาวตัวใหญ่ยืนอยู่มันดูสูงสง่ามาก ดูแล้วช่างแตกต่างกันมากจากสภาพของเจ้าลาในตอนนี้

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

ราชสีห์ เจ้าป่าผู้น่าเกรงขาม ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างก็ต้องยำเกรง เป็นราชสีห์ถือเป็นเจ้าป่า หรือเรียกได้ว่าเป็นใหญ่ที่สุด วันหนึ่งเจ้าราชสีห์รู้สึกเบื่อหน่ายจึงเดินทางออกจากป่าเพื่อที่จะได้ท่องเที่ยว

วันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนจะแห้งแล้งและก็อบอ้าว สิงโตและแพะต่างก็เดินหาแหล่งน้ำเพื่อที่พวกมันจะดื่มและดับกระหาย จนพวกมันเดินมาพบกับหนองน้ำแห่งหนึ่งแต่หนองน้ำแห่งนี้ไม่มีน้ำอยู่เลย มันช่างดูแห้งขอดเหลือเกิน สิงโตและแพะต่างทะเลาะกันถกเถียงกันเพื่อที่จะแย่งกันกินน้ำจนทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

ชายชราผู้มีความสามารถในการแยกแยะสิ่งมีชีวิตรวมถึงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆเพียงแค่ใช้มือสัมผัสเท่านั้นเขาก็บอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตข้างหน้าเขาคือตัวอะไร

ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวที่แสนจะหนาวเย็น ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านมีชายชาวนาคนหนึ่ง เขาจะมาที่ทุ่งนาอยู่เป็นประจำ แต่ในวันนี้มันช่างแปลกกว่าทุกวันที่ว่าเขาได้เดินมาพบกับงูตัวหนึ่ง งูตัวนั้นนอนขดและตัวแข็งทื่อเหมือนมันใกล้จะตายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บนั่นเอง