ราชสีห์เฒ่า

ราชสีห์เฒ่า

ราชสีห์ชราตัวหนึ่ง เมื่อครั้งที่ยังหนุ่ม มันเคยเป็นที่ยำเกรงของสัตว์ทุกตัวในป่า แต่มาวันนี้ เมื่อแก่ตัวไร้เรี่ยวแรง มันได้แต่นอนอยู่ในถ้ำรอความตายไปวัน ๆ

แนะนำตัวละคร
ราชสีห์ชราตัวหนึ่ง เมื่อครั้งที่ยังหนุ่ม มันเคยเป็นที่ยำเกรงของสัตว์ทุกตัวในป่า แต่มาวันนี้ เมื่อแก่ตัวไร้เรี่ยวแรง มันได้แต่นอนอยู่ในถ้ำรอความตายไปวัน ๆ
มีลาตัวหนึ่งเดินผ่านมาในถิ่นของเจ้าป่าอย่างราชสีห์ แต่เจ้าลาไม่ได้เกรงกลัว มันกลับมาพูดจาถากถางให้ราชสีห์ได้ยิน
ลา
ลา

เจ้าป่าที่ไร้เรี่ยวแรงก็ไม่ต่างจากสุนัขธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง

นี่คือคำเยาะเย้ยถากถางที่มันได้ยิน ทำให้ราชสีห์ตัวนี้มีอารมณ์โกรธ มันอยากจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่า แม้ตนจะอยู่ในวัยชราแล้วก็ตาม แต่มันยังคงมีบารมีพอให้สัตว์อื่นเกรงกลัวอยู่ คิดแล้วมันจึงพยายามลุกเดินออกจากถ้ำ จนได้เห็นลาสองตัวแม่ลูกกำลังยืนเล็มหญ้าอยู่หน้าปากถ้ำ
ราชสีห์เฒ่า
ราชสีห์เฒ่า

พวกเจ้าบังอาจมาดูถูกข้าอย่างนั้นหรือ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าน่ะ คือราชสีห์ผู้น่าเกรงขาม!

แม้แม่ลาจะมองเห็นและได้ยินสิ่งที่ราชสีห์ประกาศก้อง แต่มันกลับไม่ให้ความสนใจ ยังคงก้มหน้าเล็มหญ้าต่อไป ราชสีห์เฒ่ารู้สึกโกรธกว่าเดิม จึงเดินวางท่าเป็นเจ้าป่าเข้าไปใกล้ พร้อมทั้งส่งเสียงคำรามเพื่อข่มขู่ให้ลาทั้งสองกลัว 
ทันใดนั้นเอง ราชสีห์ชราก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อลูกลาที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ แม่ กระโดดเตะเข้าที่สะโพกของมันอย่างเต็มแรง นี่ทำให้มันโมโหสุดขีด แต่ราชสีห์เฒ่าก็ไม่มีแรงพอจะทำอะไรโต้ตอบลูกลา สิ่งเดียวที่มันทำได้ คือค่อย ๆ เดินลากสังขารที่บอบช้ำกลับเข้าถ้ำไปโดยเร็วเท่านั้นเอง
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ยามสิ้นไร้ซึ่งอำนาจ ชื่อเสียงก็ไม่อาจขู่ใครให้เกรงกลัว”

มดจะขนอาหารมาเตรียมไว้ให้พร้อมก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึงเพื่อให้มีอาหารกินตลอดหน้าหนาวและเตือนให้ตั้กแตนเก็บอาหารไว้บ้างแต่ตั๊กแตนกลับคิดว่าพวกตนมีเสบียงเพียงพอแล้วไม่ต้องหาเพิ่มเติมอีก

ณ งานเทศกาลประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในงานเทศกาลนั้นได้มีการจัดการแสดงของตัวตลกด้วย ตัวตลกคนนี้ได้แสดงความสามารถมากมายเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมแต่มีการแสดงอยู่การแสดงหนึ่งที่ตัวตลกคนนี้ถนัดเป็นพิเศษ นั่น คือ การเลียนแบบเสียงของสัตว์ได้หลากหลายชนิด เขาได้โชว์การแสดง เลียนแบบเสียงของสัตว์ชนิดต่าง ๆ ไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้ชมส่วนใหญ่ประทับใจเป็นอย่างมาก

ณ หมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่มากนัก ทุก ๆ วันชาวบ้านที่เป็นผู้ชายจะตื่นขึ้นมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนผู้หญิงจะทำงานบ้าน และคอยหาอาหารเพื่อรอสามีกลับมาจากทำงาน กระทั่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้นำผ้าที่ซักเอาไว้ออกมาตากที่ราวตากผ้า

ณ หมู่บ้าน ริมชายป่าแห่งหนึ่ง มีบ้านหลังหนึ่งของชาวนา บ้านหลังนี้มักจะมีหนูอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเจ้าของบ้านจึงได้นำแมวมาเลี้ยงไว้หลายตัวเ จ้าแมวเหล่านั้นได้วิ่งไล่จับหนูกินทุกวันจนจำนวนหนูในบ้านลดลงไปมากอยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูทั้งหลายจึงได้ปรึกษากันว่า

มีชายเจ้าของลาคนหนึ่งเขามีอาชีพขายยาสมุนไพร เขาเดินทางมาพร้อมลาของเขาซึ่งบนหลังของลานั้นมีถุงสมุนไพร พร้อมกันนั้นเขาได้มัดรูปปั้นรูปหนึ่งที่แกะสลักเป็นเทวรูปด้วยไม้หอมมีรูปร่างสวยงามซึ่งชายเจ้าของลาเชื่อว่า เทวรูปนี้ทำให้ตนค้าขายได้ดี

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

มีสุนัขจอมตะกละ มันชอบกินไข่เป็นอย่างมากมันได้แวะเวียนไปที่เล้าไก่หลายครั้งเวลาที่มันหิวเพื่อที่จะได้ขโมยไข่ของแม่ไก่มากิน วันหนึ่งมันได้กินหอยนางรมทำให้มันเกือบท้องแตกตายเพราะคิดว่ามันจะอร่อยเหมือนไข่ไก่ที่เคยกิน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีไก่และลาเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทั้งคู่มักจะออกมาหากินที่ป่าด้วยกันอยู่เป็นประจำจนไม่คิดว่าจะมีอันตรายใด ๆที่จะทำให้พวกมันหวาดกลัวได้ วันหนึ่งในวันหนึ่งขณะที่ไก่และลากำลังออกหาอาหารอยู่ด้วยกันอย่างเพลิดเพลินนั้นได้มีราชสีห์ตัวหนึ่งซึ่งมันก็ก็จ้องที่จะมาล่าไก่และลาเป็นอาหารมานานแล้ว มันจึงได้คิดอุบายขึ้น โดยได้ตะโกนร้องออกมาดัง ๆว่า