หมาจิ้งจอกตกบ่อน้ำ

หมาจิ้งจอกตกบ่อน้ำ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินอย่างซุ่มซ่ามและพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่ดูแล้วลึกมาก มันพยายามที่จะตะเกียดตะกายตัวเองเพื่อที่จะเอื้อมให้ถึงและดันตัวมันเองออกมาให้ได้

แนะนำตัวละคร
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินอย่างซุ่มซ่ามและพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่ดูแล้วลึกมาก
มันพยายามที่จะตะเกียกตะกายตัวเองเพื่อที่จะเอื้อมให้ถึงและดันตัวมันเองออกมาให้ได้
หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

นี่ข้าต้องมาตายที่บ่อน้ำอย่างนั้นรึ ไม่รู้จะขึ้นไปที่บ่อได้อย่างไร ใครก็ได้ช่วยข้าทีเถอะนะ

เจ้าจิ้งจอกตะโกนขอความช่วยเหลือออกไปอย่างดังไม่นานนะก็มีหมาป่าตัวหนึ่งเดินผ่านเข้ามา
หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

ช่วยดึงข้าขึ้นมาจากบ่อน้ำทีได้ไหมข้าหมดแรงแล้ว คงจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่ถ้าท่านไม่ช่วยค่ะ

หมาป่าชะโงกหน้ามาดูด้วยความห่วงใยแล้วถามขึ้นว่า
หมาป่า
หมาป่า

ทำยังไงเจ้าถึงตกลงไปในบ่ได้ล่ะ

หมาป่า
หมาป่า

นี่เจ้าอยู่ที่นี่นานแล้วอย่างนั้นรึไม่มีใครผ่านมาช่วยเหลือเจ้าเลยหรือไง

จิ้งจอกรู้สึกโมโหเล็กน้อยแต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ควบคุมอารมณ์ให้มีสติแล้วพูดขึ้นว่า
หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

นี่ข้าก็จะตายอยู่แล้วข้าก็หวังให้เจ้านี่แหละมาช่วยดึงข้าออกไปแล้วข้าถึงจะเล่าให้ท่านฟังอย่างละเอียด

หมาป่า
หมาป่า

กำลังจะช่วยเจ้าอยู่นี่หละ รอข้าหน่อยนะ


ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การลงมือช่วยเหลือผู้อื่นตามคำร้องขอมักจะดีกว่าการแสดงความเห็นอกเห็นใจซึ่งถ้าช้าแม้เพียงนิดก็อาจทำให้อันตรายถึงแก่ชีวิตได้”

ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสวยงาม เด็กชายคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแกะฝูงใหญ่ เขานั่งแบบนี้อยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง เขาได้นั่งเฝ้ามองแกะที่อยู่กลางทุ่งทุกวัน ๆ เด็กเลี้ยงแกะไม่มีอะไรทำ เกิดความเบื่อหน่าย จึงคิดจะเล่นอะไรบางอย่างและคิดที่จะแกล้งชาวบ้าน พอคิดอย่างนั้น เขาจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมตะโกนออกไปดังลั่นว่า

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

ชายชราผู้มีความสามารถในการแยกแยะสิ่งมีชีวิตรวมถึงเหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างๆเพียงแค่ใช้มือสัมผัสเท่านั้นเขาก็บอกได้ว่าสิ่งมีชีวิตข้างหน้าเขาคือตัวอะไร

มีเจ้ามดตัวน้อยตัวหนึ่งมันได้เดินพลัดหลงกับกลุ่มเพื่อนๆมาไกลมาก จนกระทั่งมันได้มาหยุดที่ลำธารกลางป่าแห่งหนึ่งแต่กลับตกลงไปในลำธารน้ำไหลเชี่ยว ก้มลงหวังจะกินให้หายกระหาย แต่ด้วยความที่น้ำมันไหลเชี่ยวแรงมาก ทำให้เจ้ามดน้อยตกลงไปในน้ำและโดนกระแสน้ำพัดพาไปไกลจากที่เดิม

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

ณ ป่าใหญ่แห่งหนึ่ง ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งใส อากาศเย็นสบาย ราชสีห์ตัวใหญ่ มองดูแล้วช่างสมกับเป็นเจ้าแห่งป่า น่าเกรงขามยิ่งนัก มันกำลังนอนหลับนิ่งเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าหนูตัวน้อย ได้ออกมาวิ่งเล่นหาอาหารกินในบริเวณ

มีนักธนูฝีมือดีอยู่คนหนึ่งเขาได้ออกเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อที่จะล่าสัตว์แต่ด้วยความเก่งกาจและความหน้าแกรงขามของเขานั้นทันทีที่เขาได้ย่างเท้าก้าวเขาไปในป่าได้ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างหวาดกลัวพากันแตกตื่นวิ่งหนีเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปกันหมดในเวลาที่เขาเข้าใกล้พวกมัน

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า