ต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ต้นโอ๊กกับต้นอ้อ

ณ บึงน้ำในป่าแห่งหนึ่ง บึงแห่งนี้เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำน้อยใหญ่นานาชนิด ทั้งยังมีพืชที่อุดมสมบูรณ์มากมาย มีต้นโอ๊กใหญ่ขึ้นแผ่กิ่งก้านอยู่ริมฝั่งและมีต้นอ้อขั้นอยู่ในน้ำ ทั้งสองมักจะเห็นกันและกันอยู่ทุกวัน

แนะนำตัวละคร
ณ บึงน้ำในป่าแห่งหนึ่ง บึงแห่งนี้เป็นที่อาศัยของสัตว์น้ำน้อยใหญ่นานาชนิด ทั้งยังมีพืชที่อุดมสมบูรณ์มากมาย มีต้นโอ๊กใหญ่ขึ้นแผ่กิ่งก้านอยู่ริมฝั่งและมีต้นอ้อขั้นอยู่ในน้ำ ทั้งสองมักจะเห็นกันและกันอยู่ทุกวัน
เมื่อมีลมพัดมาอย่างแรง ทำให้ต้นอ้อเอนลู่ไปตามลม บางครั้งที่ลมแรง ต้นอ้อก็จะเอนตามลมจนแทบจะล้ม ต้นโอ๊กเห็นอย่างนั้นจึงหัวเราะร่าและใช้คำพูดเยาะเย้ยต้นอ้อว่า
ต้นโอ๊ก
ต้นโอ๊ก

เจ้านี่ช่างไม่กล้าหาญเอาเสียเลย  ขนาดลมพัดเบา ๆ ก็ยังโอนเอนตาม ฮ่า ๆ

ต้นโอ๊ก
ต้นโอ๊ก

ช่างอ่อนแอนัก เจ้าดูข้าเป็นเยี่ยงอย่างนะ ไม่ว่าประจันหน้ากับอะไร ข้าก็ตั้งตรงไม่หวาดหวั่น

ต้นอ้อได้ยินเช่นนั้นก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เพราะรู้ดีว่าต้นโอ๊กมักจะโอ้อวดว่าตนดีแบบนี้อยู่เสมอ จึงไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรให้มันเหนื่อยเปล่า

 และแล้วในคืนนั้นเอง เกิดมีลมพายุพัดโหมกระหน่ำครั้งใหญ่ แม้ต้นโอ๊กจะสูงใหญ่ และมีลำต้นที่แข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ก็เป็นเพราะความสูงใหญ่ของต้นโอ๊กนั่นเอง ที่ทำให้ลำต้นต้านลมอย่างหนัก ต้นโอ๊กพยายามที่จะยืนต้านแรงพายุ แต่ก็ต้านไม่ไหวจนหักโค่นลงในที่สุด 
ส่วนต้นอ้อนั้น เมื่อพายุพัดผ่านไปก็ชูใบขึ้นตามเดิม ต้นอ้อเห็นสภาพของต้นโอ๊กจึงพูดว่า
ต้นอ้อ
ต้นอ้อ

การที่ข้าเจียมตัวว่าอ่อนแอ เอนลู่ไปตามลม ก็ยังดีกว่าเจ้าที่ทะนงตนว่าแข็งแรงจนพบจุดจบเช่นนี้

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“การโอนอ่อนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ดีกว่าแข็งกร้าวบ้าบิ่นจนเกิดอันตราย”

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

ณ บึงน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในแถบชุมชนที่มีปลานานาพันธุ์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบึงแห่งนี้มีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจึงมักจะมาหาอาหารในบริเวณนี้อยู่เสมอ

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวที่แสนจะหนาวเย็น ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านมีชายชาวนาคนหนึ่ง เขาจะมาที่ทุ่งนาอยู่เป็นประจำ แต่ในวันนี้มันช่างแปลกกว่าทุกวันที่ว่าเขาได้เดินมาพบกับงูตัวหนึ่ง งูตัวนั้นนอนขดและตัวแข็งทื่อเหมือนมันใกล้จะตายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บนั่นเอง

มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินมาด้วยความหิวเนื่องจากไม่มีอาหารที่เป็นเนื้อให้มันกินเลย มันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนได้สังเกตว่าได้มีเจ้ากาดำตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ ทันใดนั้นจิ้งจอกก็เห็นเนื้อที่ กาคาบไว้ ด้วยความฉลาดแกมเจ้าเล่ห์ของเจ้าจิ้งจอกมันจึงได้พูดขึ้นมาว่า สวัสดีแม่กาสุดสวย

กาลครั้งหนึ่ง ณ บึงอันกว้างใหญ่ที่มีสิงสาราสัตว์นานาพันธุ์อาศัยอยู่ มีกบสองตัวเป็นเพื่อนรักกัน กบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในบึงแห่งนี้ ไม่ว่าจะฤดูใดก็มีน้ำเต็มปรี่ตลอดปี และมีเพื่อนพ้องกบอีกหลายตัวที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ส่วนกบอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักของมันอาศัยอยู่ในลำห้วยเล็ก ๆ ที่ชาวไร่มักจะใช้เส้นทางนี้ในการลากเกวียน

มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งอย่างคล่องแคล่วอยู่ท่ามกลางแสงแดดเพื่อหาอาหาร มันเจอกับดักแด้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ ดักแด้ขยับหางของมัน ซึ่งดึงดูดความสนใจของมดที่เพิ่งเห็นว่าดักแด้ยังมีชีวิตอยู่