นักธนูและสิงโต

นักธนูและสิงโต

มีนักธนูฝีมือดีอยู่คนหนึ่งเขาได้ออกเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อที่จะล่าสัตว์แต่ด้วยความเก่งกาจและความหน้าแกรงขามของเขานั้นทันทีที่เขาได้ย่างเท้าก้าวเขาไปในป่าได้ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างหวาดกลัวพากันแตกตื่นวิ่งหนีเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปกันหมดในเวลาที่เขาเข้าใกล้พวกมัน

แนะนำตัวละคร
มีนักธนูฝีมือดีอยู่คนหนึ่งเขาได้ออกเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อที่จะล่าสัตว์แต่ด้วยความเก่งกาจและความหน้าแกรงขามของเขานั้นทันทีที่เขาได้ย่างเท้าก้าวเขาไปในป่าได้ทำให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ทั้งหลายต่างหวาดกลัวพากันแตกตื่นวิ่งหนีเขาเพื่อเอาชีวิตรอดไปกันหมดในเวลาที่เขาเข้าใกล้พวกมัน

ยกเว้นเจ้าสิงโตตัวหนึ่งที่ไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อคันธนูของเขาแต่อย่างใด มันคิดที่จะท้าทายความสามารถของเขามันจึงได้กระโจนเข้าหานักธนูอย่างไม่ลังเล นักธนูเห็นดังนั้นเขาจึงได้ง้างธนูขึ้นพร้อมยิงลูกศรไปยังเจ้าสิงโตตัวนั้นในทันที 
พร้อมกับพูดขึ้นว่า
นักธนู
นักธนู

นี่เป็นเพียงแค่การสั่งสอนให้เจ้ารู้เท่านั้น เจ้าน่าจะรู้นะว่าข้าจะทำอย่างไรหากเจ้าคิดที่จะโจมตีข้าอีกครั้ง

หลังจากที่นักธนูพูดจบเช่นนั้น เจ้าสิงโตที่ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรของนักธนูทำให้มันหวาดกลัวเป็นอย่างมากมันจึงได้วิ่งหนีนักธนูคนนั้นไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวอย่างที่สุด  ทันใดนั้นเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้น
มันจึงได้พูดกับสิงโตตัวนั้นว่า
สุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอก

ทำไมเจ้าไม่รวมรวมความกล้าแล้วเข้าไปสู้กับนักธนูคนนั้นอีกครั้งกันล่ะ นี่มันเป็นเพียงแค่การโจมตีครั้งแรกของเขาเพียงเท่านั้นเองนะ

สิงโตได้ยินดังนั้นจึงได้ตอบกลับไปว่า
สิงโต
สิงโต

นี่เป็นเพียงแค่การการโจมตีครั้งแรกอย่างงั้นหรือ

สิงโต
สิงโต

แค่นี้มันก็ทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้วเจ้าลองคิดดูซิว่าหากข้าเข้าจู่โจมนักธนูอีกครั้งเจ้าคิดว่าข้าจะรอดจากการโจมตีของเข้าได้และมีชีวิตรอดมาได้อย่างไรกัน

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“จงอย่าประมาทแม้เคยผิดพลาดเพียงแค่เล็กน้อย จงมัดระวังตัวเองจากคนอื่นที่เขาสามารถทำร้ายเราได้ทุกเมื่อในยามที่เขาต้องการ”

วันหนึ่งในฤดูร้อนที่แสนจะแห้งแล้งและก็อบอ้าว สิงโตและแพะต่างก็เดินหาแหล่งน้ำเพื่อที่พวกมันจะดื่มและดับกระหาย จนพวกมันเดินมาพบกับหนองน้ำแห่งหนึ่งแต่หนองน้ำแห่งนี้ไม่มีน้ำอยู่เลย มันช่างดูแห้งขอดเหลือเกิน สิงโตและแพะต่างทะเลาะกันถกเถียงกันเพื่อที่จะแย่งกันกินน้ำจนทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้น

ณ บ้านชาวนาแห่งหนึ่ง ได้มีเจ้าแมวและครอบครัวขอหนูอาศัยอยู่ในบ้านชาวนาหลังเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เจ้าแมวถูกเลี้ยงอย่างสุขสบายแต่พวกหนูต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัวเขี้ยวอันคมและกรงเล็บอันแหลมของเจ้าแมวที่ชาวนาเลี้ยงไว้มาตลอดเวลา

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า

ณ ริมบึงอันกว้างใหญ่ ได้มีเต่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ มันรู้สึกว่ามันเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเองที่ได้แต่คลานต้วมเตี้ยมไปอย่างช้า ๆใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินไปวันวัน มันจึงได้บ่นกับตัวเองว่า

ณ บ้านหลังเล็กๆแถวชนบทแห่งหนึ่งมีเด็กชายที่อาศัยอยู่กับยายสองคน เด็กชายคนนี้มีนิสัยที่ดื้อเขาซุกซนและเขายังมีของโปรดที่เขาชอบกินมากๆอยู่อย่างหนึ่งคือถั่วอบเกลือฝีมือคุณยายของเขานั่นเอง วันหนึ่งคุณยายจึงได้ทำถั่วอบให้หลานชายกินคุณยายได้ใส่ถั่วไว้ในเหยือกแต่ว่าคุณยายยังขาดเกลือที่จะนำมาใส่ถั่วอบ คุณยายจึงต้องออกไปซื้อเกลือที่ร้านค้าใกล้ๆ บ้าน หลังจากที่คุณยายเตรียมตะกร้าใส่ของเสร็จจึงบอกหลานชายว่า

กาตัวหนึ่งบินร่อนหาอาหารแถบชายฝั่งทะเล สายตาของมันพยายามมองหาอาหารสำหรับวันนี้ มันเหลือบเห็นหอยกาบตัวใหญ่บนหาดทรายจึงโฉบลงมาหมายจะจิกกิน

ครั้งหนึ่ง บรรดาหนูในบ้านหลังหนึ่งต่างมาประชุมกัน เพื่อคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากเจ้าแมวตัวร้ายที่ชอบไล่จับหนูกินทุกวัน หนูหลายตัวเสนอวิธีต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนเข้าที หนูหนุ่มตัวหนึ่งเสนอว่า