หมากับไก่

หมากับไก่

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

แนะนำตัวละคร
หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้นไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน
ไก่
ไก่

เอ้ก อี้ เอ้ก เอ้ก

เจ้าไก่ไม่รู้ตัวเลยว่า เสียงขันของมันนั้น เมื่อมาขันในป่าแบบนี้อาจจะทำให้สัตว์ป่าที่ดุร้ายได้ยินเข้า และในตอนนั้นเอง มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งผ่านมาทางนี้พอดี จึงได้ยินเสียงขันก็นึกอยากกินไก่ขึ้นมา
ไก่
ไก่

เอ้ก อี้ เอ้ก เอ้ก

หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

นี่มันเสียงไก่ขันนี่นา...ข้ากำลังหิวพอดีเลย

หมาจิ้งจอกพูดด้วยความดีใจ จึงคิดอุบายให้เจ้าไก่หลงกลและกลายมาเป็นอาหารของมันในมื้อนี้ มันเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่แล้วพูดกับไก่ว่า 
หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

เสียงของเจ้าไพเราะเหลือเกิน ได้โปรดลงมาร่วมร้องเพลงกับข้าหน่อยได้ไหม

เจ้าไก่ได้ยินเช่นนั้นจึงมองหาต้นเสียง จนได้พบกับหมาจิ้งจอกที่ด้านล่าง ไก่รู้ดีว่าจิ้งจอกเป็นพวกเจ้าเล่ห์ คงไม่ได้มาแบบเป็นมิตรอย่างแน่นอน ไก่จึงรู้ทันเล่ห์กลหมาจิ้งจอก เลยตอบกลับไปว่า
ไก่
ไก่

ได้สิ แต่ที่ใต้ต้นไม้ไม่มีตัวอะไรไม่รู้นอนขวางทางอยู่ เจ้าช่วยไล่ไปให้พ้นก่อนสิ

หมาจิ้งจอกคิดว่าไก่หลงกลตนเข้าให้แล้ว มันจึงตรงไปที่โคนต้นไม้อย่างเร่งรีบ
หมาจิ้งจอก
หมาจิ้งจอก

อาหารอันโอชะของข้า ข้าจะรีบไปประเดี๋ยวนี้!

แต่เมื่อหมาจิ้งจอกวิ่งไปถึงโคนต้นไม้ ทำให้เจ้าหมาที่กำลังนอนอยู่ตกใจตื่นและกระโจน เข้ากัดหมาจิ้งจอกทันที
ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“เมื่อเผชิญอันตรายอย่างมีสติและไหวพริบย่อมช่วยให้ตนพ้นภัย”

เจ้าสุนัขจิ้งจอกผู้เกรียจคร้านตัวหนึ่ง มันได้ออกมาเดินเล่นเพื่อที่จะหาอาหารกิน และหากว่ามันได้เห็นต้นไม้ใหญ่สักต้นแล้วละก็ มันก็จะอาศัยร่มเงาเพื่อที่จะนอนกลางวันสักหน่อย

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีราชสีห์และหมีเป็นเพื่อนกัน พวกมันออกหากินที่ป่าใหญ่อยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งพวกมันได้ช่วยกันหาอาหารซึ่งเหยื่อของมันก็คือซากของแพะตัวหนึ่งพวกมันได้พูดคุยและตกลงกันเพื่อที่จะแบ่งอาหารซึ่งก็คือเนื้อแพะตัวนั้น

เจ้าหมา เดินคาบเนื้อมาอย่างสบายใจหวังจะหาที่สงบเงียบสักแห่งก่อนจะกินเนื้อที่ได้มาอย่างอร่อยมันได้เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงสะพานจนสังเกตเห็นว่ามีเงาตัวอะไรในน้ำ ดูแล้วก็คล้ายๆตัวของมันเอง แต่มีก้อนเนื้อในปากที่ใหญ่กว่า

ในทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสวยงาม เด็กชายคนหนึ่งกำลังเลี้ยงแกะฝูงใหญ่ เขานั่งแบบนี้อยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง เขาได้นั่งเฝ้ามองแกะที่อยู่กลางทุ่งทุกวัน ๆ เด็กเลี้ยงแกะไม่มีอะไรทำ เกิดความเบื่อหน่าย จึงคิดจะเล่นอะไรบางอย่างและคิดที่จะแกล้งชาวบ้าน พอคิดอย่างนั้น เขาจึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้าไปในหมู่บ้านพร้อมตะโกนออกไปดังลั่นว่า

มีราชสีห์ ตัวหนึ่ง ที่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ มันอาศัยอยู่ในถ้ำใหญ่ในป่าลึก นิสัยส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งของเจ้าราชสีห์ตัวนี้คือมันมักจะขี้เกียจออกล่าเหยื่อหาอาหาร มันจึงวางแผนแกล้งป่วยแล้วนอนซมอยู่ในถ้ำแล้วขอให้สัตว์ต่าง ๆมาเยี่ยมมันเพื่อที่จะได้จับสัตว์เหล่านั้นกินเป็นอาหารอย่างง่ายดาย

ในวันที่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว มีชายนักเดินทางคนหนึ่ง ต้องการเดินทางไปยังอีกเมืองหนึ่ง เขาจึงได้ไปตะเวนหาเช่าลา เพื่อใช้สำหรับขนเสบียงและนั่งบนหลังของมัน ชายนักเดินทางได้พบกับเจ้าของลาที่ตามหา

กลุ่มนกใหญ่ได้เปิดศึกสงครามกับอสูรกายสัตว์ป่าทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันมาเป็นเวลาอันยาวนานนับ100ปี ทั้งสองต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาตลอด อยู่มาวันหนึ่งได้มีเจ้าค้างคาวที่เกิดไม่มั่นใจในฝีมือการสู้รบของแต่ละฝ่ายขึ้นมามันจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่า

มีชายนักเดินทางอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นคนที่ชอบพูดแต่ความจริง ส่วนอีกคนหนึ่งชอบพูดแต่คำโกหก พวกเขาเดินทางร่วมกันมาจนมาถึงดินแดนราชาลิงโดยบังเอิญ ที่เมืองของราชาลิงมีประเพณีอยู่ว่า หากมีคนมาเยือนที่เมืองแห่งราชาลิงแล้ว จะต้องนำคนเหล่านั้นมาเข้าเฝ้าท่ามกลางฝูงลิงข้าราชบริพารที่นั่งเรียงเป็นแถวเหมือนกับพวกมนุษย์ที่เข้าเฝ้าราชาของมนุษย์นั่นเองราชาลิงสั่งให้นำตัวชายทั้งสองมาพบ