กระต่ายกับหนู

กระต่ายกับหนู

ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า

แนะนำตัวละคร
ณ หมู่บ้านในแถบชนบทที่มีการทำนาและไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก นาข้าวสีทองถูกเก็บเกี่ยวไปบ้างแล้ว ซึ่งชาวบ้านจะนำข้าวเปลือกไปเก็บไว้ในยุ้งเพื่อกิน ขาย หรือแม้แต่เก็บไว้เพื่อทำพันธุ์ในฤดูกาลหน้า
วันหนึ่งมีกระต่ายผอมกระหร่องตัวหนึ่ง เดินหิวโซหาอาหารเรื่อยมาจนแทบจะหมดแรง

โอ๊ยยย...ข้าหิวจังเลย แถวนี้ไม่มีอาหารให้ข้าหรืออย่างไรกัน

มันบ่นด้วยความอิดโรยก่อนจะหันไปเห็นยุ้งที่ชาวไร่ชาวนาเก็บข้าวโพดเอาไว้สำหรับทำกิน กระต่ายสังเกตเห็นรูขนาดเล็กที่พวกหนูเจาะยุ้งเอาไว้จึงมุดรอดรูเข้าไปกินข้าวโพดในยุ้งจนอิ่มแปล้และใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อยู่ในยุ้งนานหลายวันจนตัวอ้วนพี

ที่นี่ช่างสุขสบาย มีอาหารให้ข้ากินจนอิ่มท้องตลอดทั้งปี ฮ่า ๆ

ข้าไม่ต้องออกไปหาอาหารให้เหนื่อยอีกต่อไปแล้ว

มันช่างสุขสำราญกับการอยู่ในยุ้งนี้เสียจริง

อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เจ้ากระต่ายกำลังกินข้าวโพดและอาศัยอยู่ในยุ้งอย่างสุขสบาย มันได้ยินชาวไร่คุยกันอยู่ด้านนอกยุ้ง ว่าจะนำข้าวโพดไปขายก็ตกใจกลัวว่าจะถูกจับได้  มันวิ่งลนลานหาทางออกจากยุ้ง แต่ปรากฏว่า มันไม่สามารถออกจากยุ้งได้

ตายล่ะ! รูที่นี่มุดเข้าออกตรงไหนนะ? ทำไมมีแต่รูเล็ก ๆ ล่ะ

พวกหนูเห็นเข้าก็พากันหัวเราะลั่นพูดว่า  

โธ่เอ๊ย! เจ้ากระต่ายจำไม่ได้หรือไงว่าเจ้าลอดเข้ามาทางรูเล็ก ๆ นั่นแหละ เจ้าคงต้องรอให้เจ้าผอมเสียก่อนจึงจะกลับออกไปได้  ฮ่า ๆ

ม้า
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

“ผู้หลงใหลความสุขสบายมักได้รับความเดือดร้อนในภายหลัง”

กาตัวหนึ่งไม่ชอบใจขนสีดำของตัวเอง เพราะมันมักจะถูกล้อว่าเป็นกาดำ น่าอัปลักษณ์ มันจึงอยากจะมีขนที่งดงามเช่นเดียวกับนกยูงที่ถูกคนอื่นชื่นชมอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่นกยูงรำแพนขน ช่างเป็นอะไรที่งดงามเสียจริง

ราชสีห์ เจ้าป่าผู้น่าเกรงขาม ไม่ว่าจะเดินไปที่ใด สัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างก็ต้องยำเกรง เป็นราชสีห์ถือเป็นเจ้าป่า หรือเรียกได้ว่าเป็นใหญ่ที่สุด วันหนึ่งเจ้าราชสีห์รู้สึกเบื่อหน่ายจึงเดินทางออกจากป่าเพื่อที่จะได้ท่องเที่ยว

หมากับไก่เป็นเพื่อนรักกันมานาน วันหนึ่ง สัตว์ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน เมื่อค่ำลงจึงแวะพักแรมที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมานอนที่โคนต้อนไม้ เมื่อฟ้าสางไก่ก็โก่งคอขันรับอรุณเป็นกิจวัตรอย่างเช่นทุกวัน

บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล มีเจ้านกกระเรียนตัวหนึ่ง โผบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างมีความสุข มันเตรียมพร้อมที่จะบินลงสู่พื้นดินเพื่อหาอาหารอย่างเช่นทุกวัน จนกระทั่ง มันสังเกตเห็นหมาป่าตัวหนึ่ง กำลังดิ้นทุรนทุรายที่ใต้ต้นไม้ หมาป่าตัวน้อยดูเจ็บปวดอย่างมาก นกกระเรียนจึงเดินเข้าไปถามมันว่า

ณ บ้านหลังเล็กๆแถวชนบทแห่งหนึ่งมีเด็กชายที่อาศัยอยู่กับยายสองคน เด็กชายคนนี้มีนิสัยที่ดื้อเขาซุกซนและเขายังมีของโปรดที่เขาชอบกินมากๆอยู่อย่างหนึ่งคือถั่วอบเกลือฝีมือคุณยายของเขานั่นเอง วันหนึ่งคุณยายจึงได้ทำถั่วอบให้หลานชายกินคุณยายได้ใส่ถั่วไว้ในเหยือกแต่ว่าคุณยายยังขาดเกลือที่จะนำมาใส่ถั่วอบ คุณยายจึงต้องออกไปซื้อเกลือที่ร้านค้าใกล้ๆ บ้าน หลังจากที่คุณยายเตรียมตะกร้าใส่ของเสร็จจึงบอกหลานชายว่า

ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวที่แสนจะหนาวเย็น ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านมีชายชาวนาคนหนึ่ง เขาจะมาที่ทุ่งนาอยู่เป็นประจำ แต่ในวันนี้มันช่างแปลกกว่าทุกวันที่ว่าเขาได้เดินมาพบกับงูตัวหนึ่ง งูตัวนั้นนอนขดและตัวแข็งทื่อเหมือนมันใกล้จะตายแล้ว อาจเป็นเพราะว่าอากาศที่แสนจะหนาวเหน็บนั่นเอง

มีลาตัวหนึ่ง มันได้เดินทางผ่านมา แล้วบังเอิญพบกับหนังราชสีห์ที่นายพรานได้ตากทิ้งไว้ที่กระท่อมชายป่า มันจึงได้ขโมยมาคลุมตัวแล้วก็เดินเที่ยวเล่น แล้วก็ทำท่าทีองอาจราวกับเป็นเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ บรรดาสัตว์ที่พบเห็นหนังราชสีห์ที่คลุมตัวเจ้าลาอยู่ ต่างก็เข้าใจว่ามันเป็นราชสีห์เจ้าป่าที่ออกล่าเหยื่อจริง ๆ เพราะมันดูแล้วช่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แล้วพวกมันก็พากันวิ่งหนีกระเจิงไปทั่ว ในขณะนั้นเองก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งมันได้เดินทางมาพบเห็นพอดีแล้วมันก็ได้ยินเสียงที่มันไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อน ก็คือเจ้่่าลาทำท่าและทำเสียงร้องคำรามเลียนแบบราชสีห์

มีฝูงหมาป่าหิวโซอยู่ฝูงหนึ่งพวกมันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วพวกมันจึงตัดสินใจเดินไปที่แม่น้ำเพื่อที่จะดื่มน้ำหวังว่าการดื่มน้ำจะช่วยบรรเทาความหิวของพวกมันได้บ้าง แต่แล้วพวกมันก็ได้พบเข้ากับหนังสัตว์อย่างดีจำนวนหนึ่งที่จมอยู่ใต้ก้นแม่น้ำซึ่งคนฟอกหนังได้นำมาแช่เอาไว้ หนังสัตว์พวกนี้นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับหมาป่าที่กำลังหิวโซแต่ทว่าแม่น้ำบริเวณนั้นลึกเกินไปที่พวกมันจะเอื้อมลงไปถึงหนังสัตว์ได้ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้หมาป่าตัวหนึ่งในฝูงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า